Tuesday, November 17, 2015

responsive to change

Fuji กับ Kodak เมื่อยี่สิบปีที่แล้วแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเขาคือ Apple กับ Samsung ในยุคยี่สิบปีที่แล้ว

ทุกวันนี้ Kodak ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว คำถามคือวันนี้ Fuji มีสถานภาพอย่างไร

ผู้บริหารของ Fuji ชื่อ Yojiro Yamashita บอกว่า
Fuji รู้ดีตั้งแต่ปี 1980 ว่าโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันเป็นผลมาจาก Digital technology
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงกวาดเอา Analog film ให้หมดไปจากโลกในเวลาเพียงสิบปี
สาเหตุที่ Fuji คาดเดาอนาคตได้ล่วงหน้าเพราะ Fuji เป็นผู้ผลิตกล้อง Digital คนแรกของโลกในปี 1988
ถ้าพวกเขาทำได้ แน่นอนต้องมีคนทำตาม แล้วสุดท้าย Digital film ต้องครองโลก ***

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Fuji ทำ Forward planning ด้วยการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่
โดยใช้พื้นฐานของสิ่งที่ตัวเองทำเป็นตัวตั้งต้น แล้วดูว่าสามารถขยายตัวออกไปที่ธุรกิจอื่นใดได้บ้าง
ในปี 2006 Fuji ลงทุนสร้างห้อง Lab ที่เมือง Kaisei เพื่อใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าใหม่ๆ

และที่ห้อง Lab นี้เกิดคำว่า Life science ความฉลาดและช่างสังเกตุของทีมวิจัยของ Fuji ค้นพบว่า
ในการผลิต Film พวกเขาต้องใช้ Collagen เคลือบ Film เพื่อไม่ให้ Film เสื่อมคุณภาพ
และพวกเขามี Know how ที่รู้ว่าจะควบคุมไม่ให้แสงสร้างความเสียหายกับ Film ได้อย่างไร

Fuji จึงนำความรู้เหล่านี้ Cross transfer มาสร้างเป็นธุรกิจ Skin care

วิธีคิดคือ Film กับ ผิวหน้าของคนเราก็มีความคล้ายคลึงกัน

Film โดนแสงก็จะเสียหาย เช่นเดียวกันผิวหน้าของคุณผู้หญิงโดนแสงแดดก็จะมีรอยด่างดำ
ที่สำคัญความรู้ของพวกเขาในเรื่อง Collagen คือตัวตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอางค์

นี่คือเส้นผมบังภูเขา ที่ Fuji เปลี่ยนสนามรบ
ถ้าพวกเขาดูแล Film ให้มีสีสรรสดสวยได้ พวกเขาก็น่าจะช่วยคุณผู้หญิงมีผิวหน้าที่งามเปล่งปลั่งได้เช่นเดียวกัน

ภายในเวลาหนึ่งปี Fuji ทำสิ่งที่เรียกว่า Cross industry learning
นำองค์ความรู้ในการผลิต Film มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา Skin care product line
แล้ววางตลาดภายใต้ชื่อ Astalift ในปี 2007 สินค้าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
เพราะผลิตด้วย Nanotechnology ยอดขายในปี 2010 มีมูลค่า 10,000 ล้านเยน
ตอนนี้สินค้าตัวนี้เริ่มอาละวาดในตลาดโลก มีขายในประเทศจีน และขยายตัวไปในทวีปยุโรป Fuji
ตั้งเป้าว่า Astalift ในปี 2018 จะมียอดขายถึง 1 ล้านล้านเยน

คือความชาญฉลาดของการทำสิ่งที่เรียกว่า Natural extension โดยใช้ทุนเดิมเป็นตัวตั้งต้น

Charles Darwin เคยพูดไว้ว่า
It is not the strongest of the species that survives,
nor the most intelligent, but the one most responsive to change”

http://www.blacksheep.co.th/news/business/different-story/

No comments:

Post a Comment