Tuesday, November 19, 2019

Lucky

โชค

โลกธุรกิจไม่เคยใจดีกับผู้ที่ไม่ค่อยฉลาด เรียนไม่เก่ง ไม่ได้ดี เด่น ดัง ประตูแห่งโอกาสแทบจะปิดตายกับคนเหล่านั้นเสมอ..

.................

คุณสมชาย เหล่าสายเชือ้ มหาเศรษฐีแห่งอีสาน เจ้าของโตโยต้าดีเยี่ยม  เริ่มต้นจากติดลบทั้งชาติกำเนิด และสมองที่ได้รับมา คุณสมชายเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กหัวทึบมาก สอบตกครั้งแล้วครั้งเล่า มีแต่คนเรียกไอ้โง่ กว่าจะจบ ป. 5 ก็ตอนอายุ 17 ปี คุณสมชายเคยให้สัมภาษณ์ว่าคนอื่นหัดร้องเพลงหนึ่งเพลงอาจจะสิบนาทีแต่เขาต้องใช้เวลาสามเดือนก็ยังไม่ได้

หลังจากจบ ป. ห้า คุณสมชายก็ได้แต่ทำงานกรรมกร ไม่มีทางเลือกใดๆ ทำทุกอย่างที่มีคนจ้างให้ทำ โดนหลอกโดนโกงมาตลอด ใช้แต่ความขยันเข้าสู้ ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด งานลำบาก งานที่ไม่มีใครทำคุณสมชายทำหมด ผิดหวังล้มเหลวก็บ่อย แต่เพราะสำนึกว่าตัวเองหัวไม่ดี ก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานหนักทุกประเภทมาตลอด

คุณสมชายมีความฝันมีความชอบเรื่องรถ แต่ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะจบแค่ ป. 5 แถมพูดช้าคิดช้า ไม่มีแววอะไรเลย สมัครทีไรก็แพ้คู่แข่งคนอื่นเสมอ จนคุณสมชายมาสมัครงานที่ศูนย์บริการโตโยต้า อุบลราชธานี ที่มีคุณสมบัติขั้นต่ำต้องจบปริญญาตรี เบื้องต้นก็ถูกปฏิเสธ แต่คุณสมชายยื่นข้อเสนอสามข้อ ที่ทำให้ประตูบานแรกของคุณสมชายเปิดออก  ข้อหนึ่งคือ ทำงานอะไรก็ได้ ข้อสองคือเงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จ่ายก็ได้ ข้อสามคือ ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด

เถ้าแก่ไม่รู้จะไม่รับได้อย่างไร หลังจากนั้นความขยันทำงาน ทำงานทุกอย่างที่ให้ทำ รับใช้ทุกคนไม่เฉพาะเถ้าแก่ จนไว้ใจ และทำให้เกิดโอกาสอื่นๆตามมา ได้ขยับขยายตำแหน่ง หลายปีจนเถ้าแก่เสียชีวิต เลยมาเปิดกิจการของตัวเองและสร้างตำนานตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

……

คุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้ที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นเด็กต่างจังหวัดด้อยโอกาสที่พยายามฝึกฝนภาษาอังกฤษมาโดยตลอด มีความฝันที่จะได้เป็นนักสื่อสารมวลชน ได้ทำงานกับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษระดับชาติ  คุณสุทธิชัยได้มีโอกาสเข้าเรียนภาคค่ำที่จุฬา คณะนิเทศศาสตร์ 

ตอนที่เพิ่งเป็นนิสิตปี 1 คุณสุทธิชัย เห็นข้อความรับสมัคร proof reader กับ subeditor ของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ มีคุณสมบัติขั้นต่ำต้องจบปริญญาโทหรือมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี  คุณสุทธิชัยอยากทำงานในฝันนี้มากและรู้ดีว่าถ้าส่งใบสมัครไปธรรมดาก็จะไม่มีทางได้ทำงานแน่เพราะสู้คนอื่นที่มีคุณสมบัติตรงไม่ได้

คุณสุทธิชัยเลยตัดสินใจเดินทางไปหาบรรณาธิการที่โรงพิมพ์ ไปขอคุยด้วย ถูกเลขายื้อไม่ให้พบเพราะไม่ได้นัดไว้ พอดีบรรณาธิการซึ่งเป็นชาวต่างชาติมองทะลุกระจกเห็นเขายืนเถียงกับเลขา เลยสงสัยและเรียกตัวให้เข้ามาคุย คุณสุทธิชัยเลยบอกว่ามาสมัครงาน บรรณาธิการก็ไล่ให้ไปกรอกใบสมัคร คุณสุทธิชัยก็บอกว่าคุณสมบัติไม่ถึง แต่ “ตื๊อ” ขอให้เทสต์พิสูจน์ความสามารถให้ดู

บรรณาธิการคงรำคาญและกำลังต้องไปประชุม เลยให้คุณสุทธิชัย “ลอง” เขียนข่าวดู พอบรรณาธิการกลับมาก็ยังเห็นเด็กที่ชื่อสุทธิชัยนั่งรออยู่พร้อมงานที่พิมพ์เสร็จ ไม่ยอมกลับไปง่ายๆ และตื๊อต่อด้วยความอยากทำ พร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง และบอกด้วยว่าเคยเขียน letter to editor และยื้อให้บรรณาธิการดู ซึ่งก็เพิ่งลงในฉบับที่อยู่ในห้องพอดี

บรรณาธิการคงเห็นความตั้งใจ พร้อมจะเรียนรู้ การ “ตื๊อ” ที่ไม่หยุดพร้อมทักษะที่พอใช้ได้  คุณสุทธิชัยเลยได้เดินเข้าประตูแห่งโอกาสบานแรกจนกลายเป็นนักหนังสือพิมพ์ในตำนานจนปัจจุบัน

.....................

ประตูที่แทบจะไม่เคยเปิดให้กับผู้ด้อยโอกาส ดูเหมือนจะถูกไขได้ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า ความไม่มีอะไรจะเสีย ความกล้าหาญที่ยอมทำในสิ่งที่คนมีโอกาสดีไม่ทำ ความไม่มีทางเลือกได้แต่ลองเดินหน้าต่อ เป็นกุญแจที่สองท่านนี้ไขให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่แรงที่จะก้าวขาข้ามประตูไปสู่โลกใหม่ก็ไม่ใช่ง่ายเช่นกัน ความขยันอดทนที่ถูกสั่งสม ทักษะที่ถูกฝึกฝนมานับหมื่นชั่วโมง ก่อนหน้าโอกาสจะมาถึงจึงทำให้ทั้งสองท่านพร้อมเมื่อประตูนั้นเปิดออก

มีคนเคยบอกว่า คำว่าโชคนั้นจริงๆแล้วประกอบด้วยคำสองคำที่อยู่ด้วยกัน คำแรกคือ “โอกาส” และอีกคำหนึ่งก็คือ “การเตรียมพร้อม” เมื่อมีสองอย่างนี้มาบรรจบกัน โชคดีจึงจะเกิดขึ้นได้

อย่างเช่นผู้โชคดีสองท่านที่เล่ามาในวันนี้

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=104371211028588&id=101815121284197

Wednesday, November 13, 2019

Lucky

#หนูเป็นเด็กโชคดี
.
หมอเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนว่า
ถ้าเราชมคนอื่นว่า #โชคดี 
มันจะแฝงความรู้สึกอิจฉาเข้าไปด้วย
เพราะ ไม่มีความสำเร็จใดๆ ได้มาด้วย โชค
หมอเลยคิดทบทวน....ก็จริงนะ😁
หลังจากนั้น หมอไม่เคยใช้คำว่า #โชคดีจัง 
ในการชื่นชมคนอื่นเลย
แม้จะรู้สึกอิจฉาจริงๆก็ตาม😅😅
.
แต่ในฐานะที่เป็น หมอเด็ก ใน รพ. รัฐบาล มานาน
หมอได้เห็นครอบครัว หลายแบบ 
ได้เห็นการเลี้ยงดูที่แตกต่าง 
และผลลัพธ์ของการเลี้ยงดูนั้น
หมอรู้แล้ว....ว่าคำว่า #โชคดีจัง 
เอาไว้พูดตอนไหน
.
ตอนที่หมอเป็นแพทย์ประจำบ้าน
โรคทางเดินหายใจเด็กที่รพ.จุฬาลงกรณ์
คนไข้เด็กที่มีความพิการบางคน
ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง
ต้องเจาะท่อที่หลอดลมคอ
 และกลับไปใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน
คนดูแลหลัก คุณพ่อ คุณแม่ 
ต้องมาเรียนรู้เพื่อกลับไปดูแลลูกให้ได้
ตั้งแต่ เรียนการใช้เครื่องช่วยหายใจ
เรียนการดูดเสมหะ การทำอาหารที่จะให้ทางสายยาง 
การให้อาหาร การดูแลแผลที่ท่อหลอดลมคอ
ไปจนถึง การฝึกช่วยชีวิตพื้นฐาน การกดหน้าอก
ทั้งหมดนี้ พ่อแม่ ต้องทำต่อหน้าหมอ 
และหมอประเมินว่าผ่านเกณฑ์
(เหมือนสอบ นักศึกษาแพทย์ยังไงยังงั้นเลยค่ะ)
ถึงจะได้รับอนุญาตให้พาลูกของเค้ากลับบ้านได้
คนไข้ทุกคน อยู่รพ.นานหลักเดือน บางคนหลักปี
.
ที่นี่ หมอได้พบกับ
พ่อแม่ของคนไข้เด็กกลุ่มนี้หลายคน ที่หมอนับถือมาก
อาจารย์ของหมอ พูดเสมอ 

“เด็กที่พิเศษ เบื้องบนเค้าคัดเลือกพ่อแม่ที่วิเศษไว้ให้แล้ว”

ซึ่งเป็นอย่างที่อาจารย์พูด ไม่ผิดเพี้ยน 
พ่อแม่ที่ดูแลเด็กกลุ่มนี้ให้มี #คุณภาพชีวิตที่ดี ได้
ไม่เรียกวิเศษจะเรียกว่าอะไร
.
ตอนหมอเป็นแม่เอง
หมอรู้ซึ้งจริงๆ...
ลูกของเรา ร่างกายสมบูรณ์ดีทุกอย่าง
แค่ลูกกินยาก ก็ฟูมฟายจะเป็นจะตาย
แต่เด็กคนอื่น #หายใจเองยังไม่ได้ คุณแม่เค้ายังสู้ไม่ถอย
ปัญหาเราดูเล็กน้อยมาก
และอีกหลายๆปัญหาที่ต้องเจอ หมอจะได้กำลังใจจากเรื่องนี้มาช่วยทุกครั้ง
.
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน
เด็กหญิง อายุ 3 ปี หน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู
เธอมีร่างกายสมบูรณ์ 
มารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยเรื่องปอดอักเสบ
ตั้งแต่เข้ามาโรงพยาบาล 
เด็กน้อยไม่เคยได้สบตา ไม่เคยพูดให้หมอได้ยินเลย
เพราะคุณยาย ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูหลัก 
กลัวหลานจะงอแง เลยยื่นมือถือให้ จะได้ดูแลง่ายๆ
เด็กก้มหน้าดูจอตลอดเวลาที่ตื่น
แม่ของเด็กไม่ได้มาเฝ้า แม่ยังเรียนหนังสือ

หมอแนะนำคุณยายเรื่องการเลี้ยงดูหลายอย่าง
รวมถึงผลเสียของหน้าจอ ที่มีต่อพัฒนาการเด็ก
คุณยายรับฟัง แต่ไม่รับไปปฏิบัติ 
เพราะคุณยายงอน 
ที่หมอพูดว่าหลานติดมือถือแล้วจะไม่ปกติ
เพราะหลานยายปกติ 
และฉลาดกว่ายายอีก เรื่องมือถือ 
จะดูช่องไหน ไม่เคยต้องสอน เปิดเองหมด
ขนาดยายยังทำไม่เป็น
.
หมอยิ้มอ่อน 
.
เตียงถัดมา เป็นเด็กหญิง อายุ 3 ปี เท่ากัน
เธอเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและตาบอด ตั้งแต่กำเนิด
เข้ารับการรักษาเพราะติดเชื้อแบคทีเรียที่กรวยไต
และรอบนี้ แม่ของเธอ เพิ่งได้รู้ข่าวใหม่ 
ว่าไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อ กับตาที่ลูกไม่ปกติ 
แต่ผลการอัลตราซาวด์ช่องท้อง 
พบว่า ไตของลูกก็ผิดปกติเหมือนกัน

เด็กคนนี้ ถึงจะกล้ามเนื้ออ่อนแรง 
แต่ระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล 
หมอจะชอบแอบมองเธอกับแม่
แม่ร้องเพลงให้ฟัง อ่านหนังสือให้ฟัง เธอจะยิ้มแย้ม
แม่ลูกกอดกัน หอมกัน 
เสียงเด็กน้อย เรียก แม่จ๋า แม่จ๋า
มันน่ารักมาก
(แม้ตอนหมอเดินไปใกล้เธอจะระแวง พูดน้อยลง)
กล้ามเนื้อที่อ่อนแรง แม่ก็สอนให้เอามือมาประกบกัน
ไหว้ผู้ใหญ่ ตอนนี้เธอพูดชัด เป็นประโยคยาวๆ 
แม่บอกว่าร้องเพลงได้หลายเพลงแล้ว
.
อ่านเรื่องราวของเด็กสองคนนี้
คิดว่าใคร #โชคดี กว่ากันคะ
.
ถ้าตัดเรื่องร่างกายออกไป
ถามว่า....อะไรที่ทำให้ เด็กคนหนึ่ง 
เติบโตไปเป็นมนุษย์ที่มีความสุขหรือไม่มีความสุข
คำตอบคือ #การเลี้ยงดู
.
เด็ก เลือกเกิด ไม่ได้
เค้าไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะต้องมาเจอกับพ่อแม่แบบไหน
ดังนั้นหมอคิดว่า คำว่าโชคดี เกิดขึ้นกับมนุษย์ 1 ครั้ง
คือ คุณเกิดมาเป็นลูกของใคร
สิ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณ
.
หมอเดินไปหาเด็กน้อย
ที่เอามืออ่อนแรง ประกบกันบนตัก เป็นการไหว้หมอ 
หมอเข้าไปลูบหัวเธอ ยิ้มให้คุณแม่
และพูดกับเด็กน้อยว่า #หนูเป็นคนโชคดีมากเลยลูก
.
แล้วเราอยากให้ลูกของเราเป็นเด็ก #โชคดี มั้ยคะ
เราสร้างโชคดีให้ลูกได้ ด้วยการพัฒนาเป็นพ่อแม่ที่ดีขึ้นนะคะ
.
หมอแพม

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=835314796803215&id=332559453745421