Monday, November 16, 2015

Business Model Matters

ทุกวันนี้ หนึ่งในแนวโน้มใหญ่ๆของคนรุ่นใหม่ก็คือ การอยากที่จะเป็นเจ้าของกิจการกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากคนที่ประสบความสำเร็จเมื่ออายุยังน้อยจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจากในหนังสือ รายการโทรทัศน์ หรือบทสัมภาษณ์ที่เอาลงในโลกออนไลน์

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีและควรสนับสนุน เพียงแต่... การมีแค่ความปรารถนาอย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอต่อการประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจในระยะยาว มันยังมีส่วนประกอบอื่นอีกหลากหลาย แต่หนึ่งในนั้นที่สำคัญก็คือ การมี Business Model ที่ตอบโจทย์ตลาดได้

หากคุณอยากเปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อ แล้วเปิดไปตามยถากรรม ประมาณว่าได้เงินจากที่บ้านมาก้อนหนึ่งแล้วเปิดกิจการไปก่อน มีปัญหาอะไรค่อยไปแก้เอาดาบหน้า

พวกนี้ ในช่วงเริ่มแรกของธุรกิจ ยอดขายอาจจะพอไปได้เพราะเพื่อนฝูง หรือคนรู้จักมาช่วยกันมาอุดหนุน แต่ถึงคราวหมดโปรโมชั่นของเพื่อนๆและคนรู้จักแล้ว ตัวตัดสินว่าธุรกิจของคุณจะไปรอด หรือไม่รอด ก็คือ Business Model นี่แหล่ะ ว่ามันตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่หรือไม่

ในประเทศญี่ปุ่น ผู้ประกอบการเค้าแข็งแรงมาก แม้จะเป็นร้านค้าเล็กๆ แต่ทุกคนพยายามสร้างอัตลักษณ์ขึ้นมาเฉพาะตัวขึ้นมา ไม่ลอกเลียนแบบใคร ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของฝาก ร้านอาหาร เรียกได้ว่าถ้าเกิดหิว หลับตาจิ้มร้านอาหารไหนก็ได้ อร่อยหมด (เพราะถ้าไม่อร่อย คงอยู่ไม่ได้) แม้แต่ร้านขายขนมเล็กๆ ก็ยังมีแพคเกจจิ้งเป็นของตัวเอง

Business Model เปรียบเสมือนแผนที่เดินเรือ มันจะกำหนดทิศทางของบริษัทของเราว่าจะไปทางไหน และจะทุ่มทรัพยากรของเราไปใช้ในกิจกรรมใด

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เหล่านี้คือ Business Model ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกครับ

Uber - เป็นบริษัท Taxi ที่ใหญ่ที่สุดในโลก...... ทั้งๆที่ไม่มีรถ Taxi เป็นของตัวเองเลย

Facebook – คือ "สื่อ" ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก..... ทั้งๆที่ไม่เคยผลิตเนื้อหาเป็นของตัวเอง

Alibaba – เป็นช่องทางในการซื้อขายที่ใหญ่และมีมูลค่ามากที่สุดในโลก (นับทั้งออนไลน์และออฟไลน์)..... ทั้งๆที่ไม่มีสินค้าเป็นของตัวเองซักชิ้นเดียว

Airbnb – คือผู้จัดหาที่พักรายใหญ่ที่สุดในโลก..... ทั้งๆที่ไม่มีโรงแรมเป็นของตัวเองเลย

อย่างไรก็ตาม Business Model ที่ดีในวันนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะดีในตลอดไป เพราะสมัยนี้เส้นแบ่งเขตแดนของแต่ละอุตสาหกรรมมันน้อยลงมาก จากการที่เทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาไปอย่างเร็วในปัจจุบัน หากมีโอกาสอยู่ตรงหน้า แต่ละบริษัทพร้อมที่จะลงทุนข้ามอุตสากรรมกันมากขึ้น ธุรกิจจะรอดไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้นำและความสามารถในการปรับตัวของทั้งองค์กร

เป็นความจริงที่ว่า.... ตอนนี้ ตอนที่ท่านกำลังอ่านบทความชิ้นนี้อยู่ มีผู้คนอีกนับแสน นับล้านคนทั่วทั้งโลก กำลังคิด Business Model ใหม่ๆ พร้อมจะก่อกวน (Disrupt) เพื่อที่จะมาโค่นพวกผู้เล่นหน้าเดิม

เหมือนอย่าง Dell Computer ที่เมื่อ 10 ปีที่แล้วไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้... Dell ได้สร้าง Business Model แบบสุดยอดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น

- Made-to-order ให้ลูกค้าเลือก Spec และสั่งทาง Internet ได้เอง จากนั้น Dell ถึงจะประกอบเครื่อง และส่งให้ถึงหน้าบ้าน

- Zero Inventory ทำให้ Dell ไม่มี Stock ของเครื่อง Computer ในมือเลย

- Pricing Strategy ราคาต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เพราะไม่มีหน้าร้าน ไม่ต้องผ่านคนกลาง ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก

- มีระบบ Logistic อันสุดยอด เชื่อมระหว่างทุก Supplier มาถึง DELL จนไปสู่มือผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว

- มีบริการหลังการขายเป็นเลิศ

ดูๆไปแล้ว Business Model ของ DELL นี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นอมตะเลยในช่วง 10 ปีก่อน.... ทั้ง IBM, Compaq, Acer ต่างมองดู Dell เติบโตแบบตาละห้อย

แต่จุดเริ่มต้นของจุดจบก็มาถึง.... เมื่อ Apple ออก iPad ออกมา ซึ่งมันสามารถกินตลาด PC ของ DELL ไปได้มาก บวกกับแบรนด์ของ Apple ที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก คนจำนวนมหาศาลพร้อมที่จะบอกว่าตัวเองเป็นสาวก Apple

ค่านิยมพวกนี้ ทำให้คนที่คิดจะซื้อ PC ก็หันไปซื้อ Macbook กันแทนจะเป็นยี่ห้ออื่น

อยากจะร้องเพลง.... “ทุกอย่างมันดีหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ฟ้า ชะตาที่มาขวางกั้น” ของพี่เบิร์ดให้จริงๆ เหอๆ

หรืออย่างอุตสาหกรรมรถ Eco Car เช่นพวก Honda Brio หรือ Mitsubishi Mirage ที่ประกอบในไทย ราคาขายคันละประมาณ 4 แสนบาท (ก็ถือว่าถูกมากแล้ว) กดราคายังไงก็ลงไปมากกว่านี้

ลองมาเจอ Tata Nano 2015 ราคาขายในอินเดียคันละ 52,300 บาท พิมพ์ไม่ผิดครับ ราคาขายคันละ 5หมื่น.... นั่นเพราะ Business Model ของ Tata Nano มันมาจากการเอารถมอเตอร์ไซค์มาใส่ประตู ใส่กระจก ทำให้เกิดตลาดใหม่ขึ้นมา เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีเงินเกินกว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะซื้อรถยนต์ ซึ่งมีจำนวนมหาศาล

หรือในอนาคต รถพลังงานทางเลือกอย่าง Tesla หรือ Project Apple Car ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และ Toyota Mirai ที่ใช้พลังงานน้ำ คงแข่งขันกันอย่างชัดเจน ต่างฝ่ายต่างก็ต้องมีอาการหนาวๆร้อนๆกันบ้างไม่มากก็น้อย แล้วรถที่ใช้น้ำมันธรรมดาในปัจจุบัน หากยังไม่ปรับตัวก็คงเหนื่อย
.
.
.
สถิติของประเทศไทย ระบุไว้ว่า ผู้ประกอบการเกิดใหม่มีอัตราการอยู่รอดประมาณ 10กว่า ไม่ถึง 20%

คนที่จะอยู่รอดได้นั้น อาจจะประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรักในงาน ความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ความขยัน อดทน หรือแม้แต่จะเป็นความโชคดี.... สิ่งเหล่านี้มันเป็นนามธรรม จับต้องไม่ค่อยได้

แต่สิ่งที่เป็นรูปธรรมจริงๆ วัดความสำเร็จได้จริงๆก็คือการมี Business Model ที่ดีพอ

Entrepreneurship is not a part-time job, and it’s not even a full-time job. It’s a lifestyle. – Carrie Layne, Best Buzz

หากริอยากจะเป็นนายของตัวเองแล้ว ต้องทุ่มทั้งชีวิตจริงๆ เหยาะแหยะไม่ได้

ที่มา https://www.facebook.com/1536715283275877/photos/a.1541486682798737.1073741827.1536715283275877/1601439433470128/

No comments:

Post a Comment