และอาจก่ออันตรายให้กับร่างกายได้
ภาชนะจากอลูมิเนียม
ก่อนหน้านี้มีความเชื่อว่าอาจก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ จนทำให้คุณแม่บ้านหลายครัวเรือนพากันโยนหม้อแบบนี้ทิ้ง แต่ว่าข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันพบว่าอะลูมิเนียมที่ละลายออกมาปนในอาหารมี ปริมาณเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการใช้ภาชนะอะลูมิเนียมหุงต้มอาหารจึงค่อนข้างปลอดภัย
ภาชนะจากสแตนเลส
สเตนเลสมีส่วนผสมของโลหะหลายชนิด เช่น นิกเกิล โครเมียม เหล็ก และโมลิบเดนัม จากการวิจัยพบว่าภาชนะเครื่องครัวที่ทำจากสเตนเลสอาจให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะโครเมียมและธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เมื่อนำมาใช้หุงต้มก็จะมีธาตุเหล่านั้นออกมาปะปนในอาหารเพียงเล็กน้อยจึงไม่ เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันสารนิกเกิลอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการของผิวหนังได้ในผู้ ที่แพ้นิกเกิล อย่างไรก็ตามนิกเกิลจะละลายออกมาในอาหารที่เครื่องปรุงมีฤทธิ์เป็นกรด ดังนั้นอาจจะเลือกใช้ภาชนะสแตนเลสที่เคลือบสารอีนาเมล ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดได้
ภาชนะจากทองแดง
เป็นภาชนะที่ตอบสนองต่อความร้อนได้ดี แต่ว่าทองแดงจะละลายออกมาได้หากสัมผัสกับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งหากได้รับในปริมาณเล็กน้อย ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าได้รับสะสมมากเกินไปที่ร่างกายต้องการ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย และอาเจียนจากอาการทองแดงเป็นพิษได้ ดังนั้นจึงควรเลือกแบบที่เคลือบดีบุกเอาไว้ แต่ดีบุกก็จะเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน เมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่งก็ควรเปลี่ยนใหม่
ภาชนะเซรามิก
ภาชนะเซรามิกมีส่วนผสมของสารตะกั่วอยู่ จึงไม่เหมาะที่จะนำมาประกอบอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด และห้ามใช้กับกาแฟร้อน ชาร้อน ซุปมะเขือเทศและน้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ตะกั่วละลายออกมาได้ เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ภาชนะที่เคลือบสารเทฟลอน
สารชนิดนี้ช่วยให้อาหารไม่ติดกระทะ ลดการใช้น้ำมันในการปรุงอาหารและทำความสะอาดได้ง่าย อีกทั้งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ถึงแม้จะละลายปะปนมากับอาหาร เนื่องจากเป็นสารที่ไม่มีพิษ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ และจะถูกกำจัดออกไปได้
คัดลอกจาก http://www.vcharkarn.com/varticle/42123
No comments:
Post a Comment