ท่าน(หลวงปู่มั่น)พูดถึงเทวบุตรเทวดา อินทร์พรหม ที่มาเยี่ยมท่าน
ท่านบอกว่า ท่านมาอยู่ที่สกลนครนี้ พวกเทวดามาเกี่ยวข้องน้อยมาก
จะมาเป็นเวลา คือมาในวันเข้าพรรษา วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันออกพรรษา
นอกนั้นเทวดาไม่ค่อยมากัน
ส่วนไปอยู่ที่เชียงใหม่ โห ต้อนรับแทบทุกวัน ไม่มีเวลาว่างเลย ท่านว่ายังงั้น
….
นั่นละ เห็นไหม ญาณหยั่งทราบ พวกตาดีท่านอย่างนั้น
พวกตาบอดปฏิเสธวันยันค่ำ ไม่มี....
โห เวลานี้กำลังเริ่มลบล้างพวกเทวบุตร เทวดา ว่าไม่มีแล้วนะ
ก็ชาวพุทธเราเองนี่แหละ มันเป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้าเสียเอง
…
ท่าน(หลวงปู่มั่น)กล่าวถึงการบำเพ็ญสมณธรรมของท่านอาจารย์หล้าไว้ว่า
“..ท่านอาจารย์หล้ามีนิสัยเด็ดเดี่ยวอาจหาญ ชอบอยู่และไปคนเดียว
ท่านมีนิสัยชอบรู้สิ่งแปลกๆได้ดี คือ พวกกายทิพย์ มีเทวดา เป็นต้น
พวกนี้เคารพรักท่านมาก ท่านว่าท่านพักอยู่ที่ไหน มักมีพวกนี้ไปอารักขาอยู่เสมอ”
ที่มา ประวัติพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว)
เทวดาคุ้มครอง
============
"...เรื่องเทวบุตรเทวดา เลยพูดให้ฟังพระผู้ท่านเชี่ยวชาญ ท่านชำนิชำนาญในสมัยปัจจุบันนี้เองยังมีอยู่ แต่เหมือนท่านไม่รู้ พระท่านรู้เหมือนไม่รู้ ไม่เหมือนฆราวาส ไม่เหมือนคนทั้งหลาย พระท่านรู้ก็เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็น ธรรมด๊าธรรมดา อันใดจะเป็นประโยชน์แก่ใครก็หยิบออกมาพูดๆ เมื่อวานนี้พูดเกี่ยวกับเรื่องเทวดาว่า
พระท่านอดข้าวภาวนา อดไปหลายวัน เทวดากลัวท่านหิน กลัวท่านตาย เทวดาองค์นั้นเคยเป็นแม่ของพระองค์นั้น นั่นท่านรู้ขนาดนั้นนะ มาขออุปถัมภ์อุปัฏฐาก มองเห็นกันเดินไปเดินมา เห็นอยู่ อากัปกิริยา แสดงอะไรเห็นอยู่เหมือนคน เห็นอยู่ชัดๆ ในเวลาเงียบๆ นั้น
ทางพระก็ตกใจซี ตาลืมอยู่ก็เห็นอยู่ หลับตาก็เห็นลืมตาก็เห็น เห็นอยู่อย่างนั้นชัดๆ เหมือนคนธรรมดา จึงพูดไปว่า
"โอ๊ย อย่างนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวเขาโจมตีพระแหลกนะ" เทวดาว่า
"โจมตียังไง"
"ก็มองเห็นกันอยู่นี้ ผู้หญิงกับพระอยู่ด้วยกันได้ยังไง เทวดาก็เป็นผู้หญิง หลักธรรมหลักวินัยมีอยู่มิใช่เหรอ"
"โอ๊ย ก็ทำให้เห็นแต่ท่านเท่านั้นแหละ คนอื่นมีกี่หมื่นกี่แสนคนก็ไม่เห็น ให้เห็นเฉพาะท่านเท่านั้น นอกนั้นไม่ให้เห็น"
เอาอาหารทิพย์มาให้กิน พูดกันด้วยภาษาใจ ไม่ได้พูดกันอย่างภาษาเรานะ เอาอาหารทิพย์มาให้กิน พระท่านบอกว่า
"กินไม่ได้ เวลานี้ไม่กินข้าว อดอาหารภาวนา"
บางทีก็นำอาหารทิพย์มาหากลางคืน นี่เวลานี้กลางคืนไม่กินก็อ้างไปเสีย แล้วเวลากลางวันก็ว่าเวลานี้อดอาหารก็พลิกไปเสีย เทวดากลัวทุกข์ยากลำบากกลัวเป็นกลัวตาย
"ถ้าอย่างนั้นแม่จะเอาข้าวมา เอาข้าวทิพย์แหละมาทามาถูตามร่างกายให้ซึมเข้าไป ให้ข้าวซึมเข้าไป"
"ไม่เอา ถ้ากลัวตายไม่ต้องอด" พระท่านก็แก้ของท่านไปอย่างนั้น
กลางวี่กลางวันก็มารออยู่ที่สูงๆ บนถ้ำ รักษาความปลอดภัยให้ลูก ลูกอยู่คนเดียว มารักษาความปลอดภัยให้ ไม่ให้อะไรมาที่นี่ ถ้ำเทวดาว่าไม่ให้มา สัตว์เสือช้างก็มาไม่ได้ ไม่ว่าช้างว่าเสือว่าอะไรเทวดาไม่ให้เข้ามาในบริเวณนี้ พวกสัตว์ พวกเปรต พวกผีอะไรไม่ให้เข้ามา เทวดารักษาอยู่ นี่อย่างนี้ก็มีฟังเอา แต่พวกเทวดานี้ร่างกายเหมือนสำลีนะ...เบา เบาเหมือนสำลี ลงมาเหมือนสำลีปลิวลงมา ขึ้นก็เหมือนสำลี เดินแบบธรรมดา เรานี้ก็ได้ทุกแบบ แบบสำลีมาก็มี แล้วแต่อาการแบบไหนที่ควรจะใช้ยังไงๆ อิริยาบถใด ควรจะใช้ยังไงใช้ได้ทั้งนั้น
ที่แปลกประหลาดมากก็เวลาคนตาย พระไปอยู่ในถ้ำไกลๆ จากบ้าน บ้านในป่าในเขาไม่ค่อยมีพระละซิ ในป่าในเขาไม่ค่อยมีพระ ครั้นเวลาคนตายก็มานิมนต์พระท่านไปกุสลาให้ ใครตายก็ตามในหมู่บ้าน เขาต้องมานิมนต์ท่านไป กุสลา ธัมมา ทีนี้พอคนตาย ทางพระนี้รู้แล้วนี่
"โห แล้วกัน พรุ่งนี้ต้องไปอีกแล้ว"
ตอนนั้นท่านไม่ได้ฉันข้าวนะ เป็นช่วงเวลาที่พระท่านอดอาหารภาวนาอยู่ ก็เลยต้องเดินทางไปกุสลาให้เขาในหมู่บ้านนู่น
"เอาอีกแล้วคนตายแล้ว" ตายในบ้านโน้น ท่านรู้แล้วทางนี้
"คนตายในบ้านอีกแล้ว" บางทีก็รู้ขึ้นภายในตัวเอง บางทีเทวดามาบอกว่า
"คนตายแล้วนะ" อย่างนั้นก็มี มีได้หลายทาง มาจากเทวดาก็มี ออกจากความรู้เจ้าของก็มี บอกอะไรก็จริงทั้งนั้น พอประมาณสัก 10 โมงเช้า เขาขึ้นภูเขา
"มาแล้ว"
"มาอะไรล่ะ ?" คอยฟังคำตอบ
"มานิมนต์ไปโปรดสัตว์"
แน่ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีผิดไม่มีเคลื่อนเลย พอตื่นนอนขึ้นมา เอาแล้ววันนี้ เตรียมกุสลาแล้ววันนี้ พอ 9 โมงเช้าหรือ 10 โมงเช้า คนโผล่ขึ้นไปแล้ว
"อะไรล่ะโยม ?"
"โอ๊ย นิมนต์ไปโปรดสัตว์"
พวกเรามันพวกตาบอดไม่เห็น ท่านผู้ตาดีท่านเห็นธรรมดาเหมือนเราตาดีเห็นอะไรนี่ ท่านผู้ตาดีภายใน นี่ละสิ่งเหล่านี้ พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ทั้งหมดผิดที่ตรงไหน นี่ละเครือของศาสนา กิ่งก้านของศาสนา มีอยู่หมดเลย ตั้งแต่อริยสัจเป็นต้นเป็นแกนขยายกิ่งก้านสาขาออกไปหาพวกเปรต พวกนรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน พวกเปรต พวกผีพวกอะไรๆ นี้เป็นกิ่งก้านของอริยสัจในวงศาสนา...
ที่มา จากหนังสือประวัติหลวงตามหาบัว
พระอาจารย์มั่นท่านเล่าเรื่องไปถึงมูเซอ มีเทวดามาฟังเทศน์เยอะ
มาเป็นพันๆ หมื่นๆ พวกเทวดาเยอรมันก็มาฟัง
ทีนี้พวกมูเซอมันเห็นแสงสว่างบนภูเขาทั้งลูก อยู่ดีๆสว่างเข้ามาเรื่อย
แสงสว่างเต็มไปหมด จ้าหมดบนภูเขา
พอตอนเช้าท่านไปบิณฑบาต พวกมูเซอมันก็ถาม
“ตุ๊เจ้า..จุดตะเกียงเจ้าพายุรึ เมื่อคืนนี้สว่างหมดทั้งเขา
ตุ๊เจ้า ใช้ตะเกียงเจ้าพายุรุ่นไหน สว่างคักแท้"
ที่มา ประวัติพระครูสุทธิธรรมรังษี หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท ผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง
No comments:
Post a Comment