Friday, June 12, 2015

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

มิตตวินทุกะชาดก

เรื่องก็มี ลูกเศรษฐี พราราณสีอยู่
นิสัยดู ชั่งชั่วช้า อย่าสงสัย
คอยแต่สร้าง เรื่องลุกลาม ความบรรลัย
ชื่อเขาไซร้ มิตวินทุกะ ปะแล้วซวย
ไม่เคยเชื่อ คำพ่อแม่ ที่แก่เฒ่า
ไม่เคยเอา ใจดูแล พ่อแม่หนา
ไม่เคยช่วย ด้วยพ่อแม่ หาข้าวปลา
ทั้งชั่วช้า จ้องทรพี ไม่ดีเลย
พ่อตายไป เหลือแต่แม่ ที่แก่เฒ่า
คอยอยู่เฝ้า กองสมบัติ พัสสถาน
แม่คอยสอน ให้เล่าเรียน เพียรทำงาน
กลับรำคาญ ด่าว่าแม่ แก่เลอะเลือน
มาวันหนึ่ง วินทุกะ จะค้าขาย
เมื่อตอนสาย เรือใบค้า จะมาถึง
แม่ร้องห้าม ลูกอย่าไป ใจคำนึง
กลัวลูกถึง ชะตาฆาต ขาดกลางเล
วินทุกะ ตะโกนว่า ข้าไม่สน
หลบให้พ้น ข้าจะไป ตามใจฉัน
แม่จึงรีบ ยืนบังทาง ขวางลูกพลัน
วินทุกะนั้น พลันโดดถีบ รีบลงเรือ
เรือแล่นไป ได้หกวัน พลันสะดุด
ลอยไปหยุด กลางสมุทรกว้าง ห่างวิถี
กัปตันเรือ ก็จนใจ ไร้วิธี
สงสัยมี กาลกิณีไซร้ ในเรือเรา
จึงเอาติ้ว ไม้ใช้นับ จับสลาก
อันหนึ่งบาก ไว้ให้เห็น เป็นเครื่องหมาย
เรียงหน้าเข้า มาหยิบจับ ทีละราย
ผลสุดท้าย วินทุกะ ปะไม้ซวย
แม้จับใหม่ ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม
ไม่พ้นความ ซวยอยู่ตน พ้นไปไหน
ทุกคนพา กันโล่งอก ตกลงใจ
จับมันไป ใส่แพลอย ค่อยออกเรือ
แพลำน้อย ลอยไปไหน ไม่รู้ทิศ
ลอยไปติด เขตเกาะร้าง ทางของผี
ผีก็หลอก ลวงให้หลง กามราคี
ปราสาทศรี เนรมิตไว้ ให้ลวงตา
เสพกามอยู่ มิรู้คลาย จนกายผอม
แต่ก็ยอม เพราะใจนั้น มันสุขสันต์
เห็นเกาะใกล้ อยากรู้ไหน ดีกว่ากัน
เกาะแห่งนั้น ปราสาทเงิน เชิญลิ้มลอง
แล้วลงแพ แถถ่อล่อง ท่องเกาะเที่ยว
ถูกใจเชียว วิมานเงิน เนินสวรรค์
เปรตอีกตน ดลจิตใจ ไว้เร็วพลัน
ให้เห็นมัน เป็นหญิงงาม เหมือนตามเคย
อยู่เสพกาม ได้สักพัก ชักจะเบื่อ
ด้วยใจเชื่อ ว่าอีกเกาะ เหมาะเหมือนฝัน
กระโดดลง ถ่อแพไป ไม่ถึงวัน
ถึงเกาะนั้น ปราสาททอง ผ่องโสภี
ด้วยว่ามี เปรตอีกตน ก็ดลจิต
เนรมิต ร่างสาวงาม ตามวิสัย
หลอกลวงล่อ ขอเสพกาม เอาตามใจ
วินทุกะไซร้ เกือบแดดิ้น สิ้นชีวี
แต่ด้วยความ ที่มักมาก ยากจะหยุด
จึงรีบรุด ไปอีกเกาะ เหมือนเหาะเหิน
ปราสาทแก้ว แววเรืองรอง จ้องเชื้อเชิญ
อยู่กันเพลิน กับนางเปรตเหตุ เพราะกรรม
เอาแล้วไง อยู่อยู่ไป ชักเบื่ออีก
จึงรีบปลีก ตัวลงแพ แถอีกหน
ด้วยเพราะเหตุ กรรมของตัว ชั่วของตน
กรรมบันดล จนพบเกาะ เหมาะกับตัว
กรรมที่ตบ ตีมารดา พาให้เห็น
เกาะนั้นเป็น ดังสวรรค์ ที่สรรหา
ความอัปรีย์ ทรพี ที่นำพา
หลงเข้ามา อุสุทะ นรกเลว
เปรตตนหนึ่ง ซึ่งต้องโทษ โลดแล่นอยู่
น่าอดสู มีกงจักร ปักบนหัว
จักรหมุนติ้ว เผ่นแล่นลิ่ว ร้องระรัว
เพราะกรรมชั่ว ที่ติดตัว ทรพี
วินทุกะ นั้นหลงผิด ถึงขีดสุด
เห็นมงกุฎ ดอกบัวแก้ว แววสดใส
ก็ถึงคราว กรรมบังตัว ชั่วบังใจ
ร้องอยากได้ มงกุฎตัว บัวงดงาม
เปรตร้องบอก ไม่ใช่บัวแต่ เป็นจักร
หมุนวนปัก กลางหัวข้า น่าสงสาร
นานหลายกัป ที่ทนทุกข์ ทรมาน
เจ้าสันดาน พาลมองเห็น เป็นดอกบัว
วินทุกะ ไม่ยอมฟัง ดังเขาบอก
อย่ามาหลอก ฉันดีกว่า ไอ้หน้าผี
เอามงกุฎ ชุดดอกบัว มาดี ดี
อย่าให้มี ซึ่งโมโห โกรธากัน
เอ้าก็ได้ จงเอาไป ดังใจเจ้า
มาคว้าเอา ไปเองเถิด จะเกิดผล
ไม่สามารถ เอาออกได้ ด้วยมือตน
จนกว่าคน มีมาเปลี่ยน หมุนเวียนกรรม
วินทุกะ รีบคว้าเอา บัวกงจักร
ด้วยทึกทัก ว่าเป็นบัว มัวสุขสม
จักรปั่นหัว รู้สึกตัว ทุกข์ระทม
ร้องระงม ชดใช้กรรม ที่ทำมา
................................
นี่แหละหนา ที่เขาว่า อันกงจักร
คนชั่วมัก แค่มองเห็น เป็นของสวย
เป็นดอกบัว ที่สุกงอม หอมระรวย
หายงง งวย จึงเห็นจักร ปักหัวตน

พระดิน สมาหิโต

ที่มา http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/dbview.php?No=365

No comments:

Post a Comment