Monday, June 15, 2015

พลังแห่งความเพิกเฉย

Stanley Pollitt หนึ่งในสามผู้ก่อตั้งบริษัท BMP (Boase Massimi Pollitt) ซึ่งเป็นบริษัทเอเจนซี่โฆษณาชื่อดังของประเทศอังกฤษ ได้มีความไฝ่ฝันมาตลอดว่าชีวิตว่า อยากจะมีฟาร์มเลี้ยงแกะเป็นของตัวเองให้ได้ในสักวันหนึ่ง

จนกระทั่งในปี 1989 Omnicon Group ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางการตลาดของสหรัฐอเมริกา ก็ได้ตกลงที่จะซื้อบริษัท BMP ด้วยราคาราว 5,000 ล้านบาท ดีลในครั้งนั้นเองทำให้ Pollitt ได้รับส่วนแบ่งจากการขาย ที่เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อ Pollitt มีเงินมากพอ เขาจึงเดินตามฝันของตัวเอง ด้วยการซื้อฟาร์มเล็กๆในเมือง Kent

ณ ฟาร์มแห่งนี้ Pollitt ได้เนรมิตทุกอย่างให้ดูสวยงามรวมกับภาพวาดที่เขาได้ฝันไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ

มีเพียงอย่างเดียวที่ขัดตา....... ก็คือแกะ....... ที่มันดูเหมือนจะอ้วนเอา อ้วนเอา ทุกวัน

“เอ.... สงสัยเราจะให้อาหารมันเยอะเกินไป” Pollitt คิดในใจ ระหว่างมองแกะอ้วนเหล่านั้น

Pollitt จึงตัดสินใจลดปริมาณอาหารลงส่วนหนึ่งในเช้าวันต่อมา แต่ก็ไม่เป็นผล ผ่านมาราว 1 สัปดาห์ แกะเหล่านั้นดูเหมือนจะยังไม่ยอมหยุดอ้วน

Pollitt จึงตัดสินใจลดปริมาณอาหารอีก แต่แกะเหล่านั้นก็ยังอ้วนขึ้นอีก

Pollitt จึงตัดสินใจลดอีก....... ในเช้าวันหนี่ง แกะทั้งหมดในฟาร์มก็ล้มตายลง
.
.
พวกมันตายเพราะขาดอาหาร

จริงๆแล้ว แกะไม่ได้อ้วนขึ้นเลย แต่เป็นเพราะขนของมันมากขึ้นต่างหาก

หากเรื่องนี้รู้ถึงหูพวกชาวไร่คนอื่นๆ พวกเขาคงคิดว่า Pollitt นั้นซื่อบื้อมากๆ อะไรกัน เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้ แต่ Pollitt ไม่รู้ เพราะเขาไม่ได้เป็นขาวไร่ตั้งแต่กำเนิด

สิ่งที่เรื่องนี้ต้องการจะสื่อก็คือ คนเรามีชุดความรู้ไม่เหมือนกัน Pollitt อาจจะเป็นเทพในแวดวงการตลาด แต่สำหรับเรื่องการทำฟาร์มแล้ว ความรู้เขาอาจจะเทียบเท่าเด็กอนุบาลเท่านั้น

ความ ”ไม่รู้” นั้นไม่ผิด แต่เป็นเพราะความไม่รู้แล้ว ”ไม่ยอมถาม” ของ Pollitt เขาจึงถูก พลังแห่งความเพิกเฉยสั่งสอน อาจจะเป็นบทเรียนเล็กๆ แต่เชื่อว่าเขาจะจำมันได้ตลอดไป

แต่ในชีวิตจริง ขณะที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ การที่เราจะรู้ว่า เราไม่รู้อะไรนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ส่วนใหญ่ก็จะใช้การตีความจากสิ่งที่เห็นเข้ากับประสบการณ์ของเราทั้งสิ้น

ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า หากรวมความรู้ของคนทั้งโลกใบนี้เข้าด้วยกัน นั่นก็เป็นแค่ 0.01% ของความรู้ทั้งหมดในจักรวาลนี้เท่านั้น ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมากมายเต็มไปหมด

ในการทำธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้เราจะนั่งเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจมาเป็น 1,000 ชั่วโมง ศึกษา Case Study ต่างๆมากมาย แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังสู้การทำธุรกิจจริง แล้วล้มเหลว 1 ครั้งไม่ได้ เพราะการเรียนเราใช้สมองจำ แต่ทำธุรกิจจริง เจ็บจริง ล้มจริง มันจะเป็นประสบการณ์ที่ติดอยู่ในจิตใจของเราตลอดไป

ไม่ต่างอะไรจากการว่ายน้ำหรือการปั่นจักรยาน ถึงแม้จะอ่านคู่มือหรือวิธีการไปเป็น 10 ปี ก็ไม่ทำให้เราว่ายหรือปั่นได้ ถ้าเราไม่เคยได้ลองปฏิบัติจริง

ดังนั้น สำหรับผู้ที่จะเริ่มทำธุรกิจครั้งแรก วิธีที่ลดความเสี่ยงได้อย่างมากก็คือ”การถาม” ถามคนที่เขาเคยทำธุรกิจมาก่อนแล้ว อาจจะเป็นเพื่อน เป็นญาติ หรือเป็นรุ่นพี่ก็ได้ การถามเป็นการลดความเสี่ยงที่ประหยัดที่สุดแล้ว

การยอมรับว่าตัวเองไม่รู้แล้วถาม คือการเปิดประตูไปสู่สิ่งใหม่นั่นเอง แต่หากท่านเพิกเฉย มองว่าตัวเองเก่งที่สุด ทำตัวเป็น One man show ท่านอาจจะเห็นพลังแห่งการเพิกเฉยแบบที่ Pollitt ได้เจอมาในเร็ววันก็ได้
.
.
.
ผู้ทรงความรู้แท้จริงไม่อายที่จะถามผู้ด้อยการศึกษา – เล่าจื้อ

ที่มา :
https://www.facebook.com/1536715283275877/photos/a.1541486682798737.1073741827.1536715283275877/1589341414679930/

No comments:

Post a Comment