Monday, August 9, 2010

Suffering

หลวงพี่กวงเล่าให้ฟังว่า ท่านผ่านทุกข์เวทนาได้หลังจากนั่งประมาณ 3 ชั่วโมง
พอผ่านได้จะรู้สึกสบาย

ก่อนนั่งยังนึกอยู่เลยว่า ถ้ามันจะเกิดขึ้นกับเราตอนชั่วโมงที่ 5 จะทำไง
แต่ก็ไม่ได้สนใจ เรามีหน้าที่ "เพียรพยายาม" อย่างเดียว
แล้วก็เริ่มนั่ง

เริ่มนั่งตอน บ่ายครึ่ง
นั่งดูลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ
ไม่ได้บริกรรมอะไร
วอกแวก คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ พอนึกขึ้นได้ก็กลับมาดูลมหายใจต่อ

(วันก่อนลองให้แผน ดูเวทนา
ปรากฏว่า ทุกข์เหลือเกิน
หลวงพี่เต่า บอกว่าให้เปลี่ยนแผนการรบ
ให้หนีเข้าสมาธิให้ได้ก่อนทุกขเวทนาเกิด
จะง่ายกว่า เลยเอามาทำตาม)

อาการปวดก็มีบ้าง แต่ไม่ได้ไปสนใจมัน
เอาคำที่หลวงพี่กวงพูดให้ฟังว่า "จิตประภัทรสร" มาใช้
กายมันปวดก็ให้มันปวดไป จิตไม่เห็นต้องทรมานด้วย
(ได้ผลแฮะ)

ช่วงประมาณ บ่าย 3 หลวงตาเดินมาตะโกนชวนไปปฏิบัติด้วยกัน
เราตะโกนบอกว่านั่งอยู่

หลังจากจากนั้นไม่นาน
อาการปวดเริ่มไล่จากบริเวณสะโพกสูงขึ้นมาช่วงบน อย่างรวดเร็ว
ลมหายใจเปลี่ยนจาก หายใจเบาๆ
เป็นหายใจลึก ๆ เร็วๆ เหมือนคนหอบ
(เราก็ดูแต่ลมหายไปเรื่อยๆ
ไม่ได้สนใจอาการปวดมากนัก ดูแบบแว๊บๆ)

เกิดความรู้สึกคล้ายร่างกายจะระเบิด โดยเฉพาะนิ้วโป้ง
รู้สึกเหมือนร่างกายบวมขึ้นๆ แม้กระทั่งปลายลิ้น
เหมือนเซลล์แต่ละเซลล์มันขยายตัวขึ้น
อัดแน่นขึ้นๆ
ลมหายใจก็หอบไปเรื่อยๆ

แต่แล้วในที่สุด ความปวดมันก็ค่อยๆทุเลาจนหายไปอย่างปลิดทิ้ง !!!
ตอนนั้นน่าจะเวลาประมาณ บ่าย3:20
สรุปว่าเพิ่ง 2 ชม. ก็หายปวดแล้ว

นั่งต่อ อีกพักนึง
แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนเริ่มนั่ง ตรงไหน?
แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่พากเพียรปฏิบัติในครั้งนี้ให้แก่โยมคุณแม่
ขอให้โยมคุณแม่ หายจากความเจ็บป่วยทางกาย

ออกจากการนั่ง ตอน 15:30
พอลุกเดิน มีอาการปวดเล็กน้อย
ผิดกับการนั่งทุกๆครั้งที่อย่างน้อยขาต้องรู้สึกชา

ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นตามในหนังสือ พระกรรมฐานกลางกรุง
ที่เขียนไว้ว่า "พอเป็นสมาธิ เลือดลมในร่างกายจะปรับสภาพ จนไม่มีอาการปวด"

สรุปวันนี้คือ
1ได้พิสูจน์คำกล่าวที่ว่า ความทุกข์ก็มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
2ยังสมาธิไม่ดีพอ เลยยังไม่เห็นเลขอะไร 555 ไว้พยายามใหม่

ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน สื่อธรรมะ ทุกเล่ม
ที่เป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าผ่านทุกขเวทนาในครั้งนี้

No comments:

Post a Comment