Tuesday, August 31, 2010

the best methodology

ป้าคนหนึ่ง ถามเด็กหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งว่า
ป้ามีปลาอยู่พวงนึง ทำอย่างไรถึงจะกินได้นาน
บางคนบอกว่าเอาไปย่าง
บางคนบอกว่าต้องหมักเกลือ
บ้างว่า ตากแดด
แต่คุณป้าตอบว่าผิดหมดเลย
คุณป้าเฉลยว่า ต้องเอาไปแจกจ่ายเพื่อนบ้านให้ทั่วถึง

ที่มา คุณนิรมล เมธีสุวกุล
หนังสือ ทำบุญให้ฉลาด

ระฆังกับหมาวัด

ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ
เวลาตีระฆังทำวัตรเช้า-เย็น
หมาทุกตัวในวัดจะหอนเป็นจังหวะ ตามจังหวะระฆัง
พอหยุดตี มันก็จะหยุดหอนไปด้วย
แต่ถ้าตีเมื่อไหร่ ก็หอนอีก มันคุมตัวเองไม่ได้

เห็นแล้วก็อดขำและอดสมเพชไม่ได้
ที่มันกลายเป็นทาสของระฆังไป

แต่มานึกดูให้ดี ...
บ่อยครั้งเราก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าเราอาจไม่ได้มีปฏิกิริยากับเสียงระฆัง
แต่มีปฏิกิริยากับเสียงอย่างอื่นแทน

.
.
.

.
.
.
.

พอได้ยินคนต่อว่าเรา
เราก็ตอบโต้ หรือต่อว่ากลับไปทันที
หรือถึงแม้ไม่พูดตอบโต้
แต่ความรู้สึกขุ่นเคืองก็ผุดขึ้นมาทันที

ที่มา: ตื่นรู้ ที่ ภูหลง

Thursday, August 26, 2010

The Kings of Thailand and Buddhism

ตั้งแต่เริ่มศึกษาธรรมะ ผ่านตามาหลายที่หละว่าพระเจ้าอยู่หลายรัชกาล ท่านปฏิบัติธรรม
เมื่อวานอ่าน "สมาธิกรรมฐาน" ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
เห็นคาถากรวดน้ำ "สัพพปัตติทาน" เป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔

ส่วนหนึ่งของพระราชปุจฉา ของรัชกาลที่๙ กับหลวงพ่อพุธ
พระราชปุจฉา : พอจิตนิ่ง ลมหายใจจะหายไป และคำภาวนาก็หายไปพร้อมกัน แต่รู้สึกเช่นนี้เพียงเดี๋ยวเดียวก็หายไป ควรจะทำอย่างไรต่อไป

หลวงพ่อพุธ : เมื่อจิตสงบนิ่งลงไปแล้ว จิตจะสงบละเอียดไปถึงจุดที่เรียกว่า “อัปปนาสมาธิ” ลมหายใจก็ทำท่าจะหายขาดไป คำภาวนาก็หายไป พอรู้สึกว่ามีอาการเป็นอย่างนี้เกิดขึ้น ก็เกิดอาการตกใจ แล้วจิตก็ถอนจากสมาธิ เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิแล้ว เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา ถ้ายังเสียดายความเป็นของจิตในขณะนั้น ให้กำหนดจิตพิจารณาใหม่ จนกว่าจิตจะสงบลงไป จนกว่าลมหายใจจะหายขาดไปคำภาวนาจะหายไป ถ้าตอนนี้เราไม่เกิดเอะใจ หรือเปลี่ยนใจขึ้นมาก่อน จิตจะสงบนิ่งละเอียดลงไปกว่านั้น ในที่สุดจิตก็จะเข้าสู่อัปปนาสมาธิอยู่ในขั้นตัวก็หายไปหมด ยังเหลือแต่จิตรู้สงบสว่างอยู่อย่างเดียว ร่างกายตัวตนไม่ปรากฏ ....(มีต่อ).


ลูกหลานไทยน่าจะเอาอย่างพ่อหลวงกันเยอะๆ

Wednesday, August 18, 2010

เลวกว่า...สัตว์เดรัจฉาน...

แม่วัวยืนบนถนน ขวางรถที่กำลังแล่นเข้ามา
เพื่อปกป้องลูกของมัน
ที่ขายังอ่อน เดินข้ามถนนอย่างช้าๆ

อาจารย์ถามต่อว่า...
เมื่อลูกวัวโตขึ้น..มันจะตอบแทนแม่มันยังไง
พอมันโตขึ้น...มันก็เดินจากไป...ไม่ตอบแทนคุณ...

เราก็สรุปว่า...
ลูกวัว...สู้ลูกคนไม่ได้...ใช่ไหม...?
ใช่...

แต่อาจารย์ว่า...ไม่แน่...


ที่ว่าไม่แน่...เพราะอาจารย์มั่นใจ 100% ว่า...
ลูกวัวตัวนี้เมื่อมันโตขึ้น...ถึงแม้มันไม่ได้แทนคุณแม่...
แต่...มันจะไม่เถึยงแม่...ไม่ตวาดแม่...
ไม่กระเทีอบเท้าใส่แม่...

และที่สำคัญ...
ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้...
มันจะไม่ขยี้หัวใจแม่...
ไม่ทำให้แม่...ต้องน้ำตาไหล...

แต่ลูกคน...ทำได้...

ที่มา: พ.อ.(พิเศษ) ทองคำ ศรีโยธิน

Monday, August 9, 2010

Suffering

หลวงพี่กวงเล่าให้ฟังว่า ท่านผ่านทุกข์เวทนาได้หลังจากนั่งประมาณ 3 ชั่วโมง
พอผ่านได้จะรู้สึกสบาย

ก่อนนั่งยังนึกอยู่เลยว่า ถ้ามันจะเกิดขึ้นกับเราตอนชั่วโมงที่ 5 จะทำไง
แต่ก็ไม่ได้สนใจ เรามีหน้าที่ "เพียรพยายาม" อย่างเดียว
แล้วก็เริ่มนั่ง

เริ่มนั่งตอน บ่ายครึ่ง
นั่งดูลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ
ไม่ได้บริกรรมอะไร
วอกแวก คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ พอนึกขึ้นได้ก็กลับมาดูลมหายใจต่อ

(วันก่อนลองให้แผน ดูเวทนา
ปรากฏว่า ทุกข์เหลือเกิน
หลวงพี่เต่า บอกว่าให้เปลี่ยนแผนการรบ
ให้หนีเข้าสมาธิให้ได้ก่อนทุกขเวทนาเกิด
จะง่ายกว่า เลยเอามาทำตาม)

อาการปวดก็มีบ้าง แต่ไม่ได้ไปสนใจมัน
เอาคำที่หลวงพี่กวงพูดให้ฟังว่า "จิตประภัทรสร" มาใช้
กายมันปวดก็ให้มันปวดไป จิตไม่เห็นต้องทรมานด้วย
(ได้ผลแฮะ)

ช่วงประมาณ บ่าย 3 หลวงตาเดินมาตะโกนชวนไปปฏิบัติด้วยกัน
เราตะโกนบอกว่านั่งอยู่

หลังจากจากนั้นไม่นาน
อาการปวดเริ่มไล่จากบริเวณสะโพกสูงขึ้นมาช่วงบน อย่างรวดเร็ว
ลมหายใจเปลี่ยนจาก หายใจเบาๆ
เป็นหายใจลึก ๆ เร็วๆ เหมือนคนหอบ
(เราก็ดูแต่ลมหายไปเรื่อยๆ
ไม่ได้สนใจอาการปวดมากนัก ดูแบบแว๊บๆ)

เกิดความรู้สึกคล้ายร่างกายจะระเบิด โดยเฉพาะนิ้วโป้ง
รู้สึกเหมือนร่างกายบวมขึ้นๆ แม้กระทั่งปลายลิ้น
เหมือนเซลล์แต่ละเซลล์มันขยายตัวขึ้น
อัดแน่นขึ้นๆ
ลมหายใจก็หอบไปเรื่อยๆ

แต่แล้วในที่สุด ความปวดมันก็ค่อยๆทุเลาจนหายไปอย่างปลิดทิ้ง !!!
ตอนนั้นน่าจะเวลาประมาณ บ่าย3:20
สรุปว่าเพิ่ง 2 ชม. ก็หายปวดแล้ว

นั่งต่อ อีกพักนึง
แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนเริ่มนั่ง ตรงไหน?
แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่พากเพียรปฏิบัติในครั้งนี้ให้แก่โยมคุณแม่
ขอให้โยมคุณแม่ หายจากความเจ็บป่วยทางกาย

ออกจากการนั่ง ตอน 15:30
พอลุกเดิน มีอาการปวดเล็กน้อย
ผิดกับการนั่งทุกๆครั้งที่อย่างน้อยขาต้องรู้สึกชา

ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นตามในหนังสือ พระกรรมฐานกลางกรุง
ที่เขียนไว้ว่า "พอเป็นสมาธิ เลือดลมในร่างกายจะปรับสภาพ จนไม่มีอาการปวด"

สรุปวันนี้คือ
1ได้พิสูจน์คำกล่าวที่ว่า ความทุกข์ก็มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
2ยังสมาธิไม่ดีพอ เลยยังไม่เห็นเลขอะไร 555 ไว้พยายามใหม่

ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน สื่อธรรมะ ทุกเล่ม
ที่เป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าผ่านทุกขเวทนาในครั้งนี้

Sunday, August 8, 2010

Misleading

เห็นสายน้ำไหลไปแล้วใจเศร้า
ชีวิตเราไหลไปถึงไหนหนอ
กิเลสนำหลงทางไปตามคลอง
ชีวิตหมองเพราะหลงผิดติดอบาย

โดย พระคเชนทร์ สุนทโร