ระบบไฟฟ้า 1 เฟส
==========
คือ ระบบไฟฟ้าที่จ่ายมา 2 เส้น
ประกอบด้วยสายเส้นที่มีไฟหนึ่งเส้น เรียกว่า สายเส้นเฟส หรือเส้นไฟ (เขียนแทนตัวอักษรย่อว่า L หรือ P)
และอีกเส้นที่เหลือไม่มีไฟเรียกว่า สายนิวทรัล (Neutral) หรือสายศูนย์ (เขียนแทนด้วยอักษรย่อว่า N หรือเลขศูนย์ )
เซอร์กิตเบรกเกอร์(แบบทั่วไป)
===============
หมายถึง อุปกรณ์ที่ทำงาน เปิดและปิดวงจรไฟฟ้า แบบไม่อัตโนมัติ
แต่สามารถเปิดวงจรได้อัตโนมัติ ถ้ามีกระแส ไหลผ่าน เกินกว่าค่าที่กำหนด (ดังนั้น รวมถึงลัดวงจรด้วย)
ใช้ป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ที่ต่อเข้ากับระบบ
ซึ่งโดยกลไกการทำงานของมันแล้ว จะไม่มีตัวป้องกันไฟดูด หรือกระแสไฟฟ้ารั่ว
แบ่งออกได้หลายชนิด ได้แก่ MCCB, MCB เป็นต้น
พิกัดกระแสของ circuit breaker ที่ควรรู้จักมี
- Ampere Trip (AT)
บอกให้รู้ว่าสามารถทนกระแสใช้งานในภาวะปกติได้สูงสุดเท่าใด
มักแสดงค่าไว้ที่ name plate หรือด้ามโยกของเบรคเกอร์
- Ampere Frame (AF)
มีประโยชน์คือ สามารถเปลี่ยนพิกัด Ampere Trip ได้
- Interrupting Capacity (IC)
พิกัดการทนกระแสลัดวงจรสูงสุดโดยปลอดภัยของเบรคเกอร์นั้นๆ
โดยปกติกำหนดค่าการทนกระแสเป็น KA.
MCCB
====
Mold case circuit breaker โมลเคสเซอร์กิตเบรกเกอร์
หมายถึง breaker ที่ถูกห่อหุ้มมิดชิด โดย mold 2 ส่วน
แบบ Thermal
----------
มีกระแสเกินไหลผ่านโลหะ bimetal (เป็นโลหะ 2 ชนิด ที่มีสัมประสิทธิ์ ทางความร้อน ไม่เท่ากัน) จะทำให้ bimetal โก่งตัว ไปปลดอุปกรณ์ทางกล และทำให้ CB. ตัดวงจร
แบบ Magnetic
-----------
กระแสจำนวนมาก จะทำให้เกิด สนามแม่เหล็กความเข้มสูง ดึงให้อุปกรณ์ ปลดวงจรทำงาน
RCCB
====
Residual Current Circuit Breaker (without Overcurrent Protection)
วัตถุประสงค์หลัก
--------
ป้องกันภัยจากการโดนไฟดูด
ไม่มีกลไกที่ใช้ตัดวงจรเมื่อเกิดกระแสเกิน
หลักการทำงาน
-------
จะทำงานโดยอาศัยหลักการสร้างความสมดุลให้กระแสไหลเข้า กับกระแสไหลออก
คือกระแสไฟฟ้าสาย L ควรมีค่าเท่ากับสาย N ซึ่งเป็นสภาพการใช้งานปกติ
และในสภาพเช่นนี้จะทำให้ค่าสนามแม่เหล็กหักร้างกันเท่ากับศูนย์
ในกรณีที่เกิดกระแสไฟรั่วและดูดคนเข้า กระแสส่วนหนึ่งจะไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปยังผู้สัมผัส และลงดิน
ซึ่งทำให้ค่าของกระแสระหว่าง L กับ N นั้นมีค่าต่างกัน จนทำให้มีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้น
ชิ้นส่วนหลัก
------
สำหรับ RCCB นั้นก็จะประกอบด้วยชิ้นส่วนหลัก 2 ตัวคือ
แกนเหล็กที่ถูกพันไว้ด้วยสาย L และ สาย N
โดยเชื่อมต่อเข้ากับชุดตัดระบบไฟซึ่งทำหน้าที่ในการขยายสัญญาณวงจรจากสนาม แม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบริเวณแกนเหล็ก ไปยังสวิทช์อัตโนมัติและที่ทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกตินี้ อย่างรวดเร็ว
การใช้งาน
-----
ติดตั้งร่วมกับสวิทช์ตัดวงจรกระแสเกิน หรือ MCB
ควรที่จะต่อตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้านี้เข้ากับระบบกราวด์ หรือสายดิน เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย
RCBO
====
Residual Current Circuit Breaker with Overcurrent Protection
ทำหน้าที่ได้ทั้ง ในการป้องกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้า กรณีเกิดกระแสเกิน
และปกป้องชีวิตมนุษย์ กรณีเกิดไฟฟ้ารั่วอยู่ในตัวเดียวกัน
โดยจะเป็นการรวมเอากลไกตัดวงจรไฟฟ้าอัตโนมัติของ MCB และ RCCB เข้าไว้ด้วยกันนั่นเอง
หลักการ
-----
เอาสายไฟ L-N ผ่านตัวหม้อแปลงกระแสหรือตัว CT
แล้วเอาสายที่ออกจาก CT ไปเข้าชุดขยายสัญญาณ
จะเอาความไวเท่าไหร่ อยู่ที่ชุดขยายสัญญาณ
แล้วเอาชุดขยายสัญญาณ ไปต่อกับคันชักให้เมนเบรกเกอร์ตัดวงจร
(ปุ่มทริป ก็คือการช็อต L-N โดยผ่านตัวต้านทาน 1 ตัว)
ในเวลาที่ใช้ไฟสภาวะปกติ (ไม่มีไฟรั่วออกนอกระบบ)
กระแสไฟระหว่างสายไฟ L-N เท่ากัน จะหักล้างกันเป็นศูนย์
แต่เมื่อมีไฟรั่ว จะเกิดความแตกต่างในระหว่าง2สาย
ตัว CT จะตรวจจับกระแสส่วนที่หายออกไป แล้วส่งไปสู่วงจรขยาย
หากไฟรั่วตามค่าความไวที่ตั้งไว้ คันชักก็จะดึง เมนเบรกเกอร์ เบรกเกอร์ก็ตัดไฟ
ELCB (EARTH LEAKAGE CIRCUIT BREAKER)
=====================================
แปลออกมาตรงๆ ก็จะได้เป็นคำ ประมาณว่า "อุปกรณ์ปลดวงจรเมื่อมีการรั่วลงดิน"
เป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด(กันดูด)ตระกูลหนึ่ง
มีรูปร่างหน้าตาภายนอก คล้ายคลึงกันกับ เซฟตี้เบรกเกอร์ ที่เรานิยมใช้เป็นเบรกเกอร์เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า จำพวกแอร์หรือเครื่องทำน้ำอุ่น
ประโยชน์
-----
สามารถปลดวงจร ในกรณี ไฟฟ้าลัดวงจร หรือ มีกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินได้
(ตามค่า sensitive ที่เครื่องจะตรวจจับได้)
ข้อด้อย
-----
ปลดวงจรในกรณีมีการใช้กระแสไฟเกินพิกัดไม่ได้ (จึงจำเป็นต้องมีการใช้ควบคู่กับฟิวส์ด้วย)
มีค่า IC (ค่าทนกระแสลัดวงจร) ประมาณ 1.5 - 2 kA.
(ถ้าเป็น RCBO จะมีค่า IC ประมาณ 5 - 10 kA)
การใช้งาน
------
การนำเอา ELCB มาเป็นเครื่องปลดวงจรในส่วนของเมนสวิตช์ ดูไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน
แต่ ข้อดีที่ราคาถูก จึงดูเหมาะสมที่จะนำมาป้องกันในส่วน เฉพาะอุปกรณ์ อย่างเช่น เครื่องทำน้ำอุ่น
ELCB ปัจจุบัน ในบ้านเรา ที่เห็นวางขายกันทั่วไป ผมขอยกตัวอย่างมา2ยี่ห้อ ที่เห็นวางขายกันแพร่หลายมากที่สุดในบ้านเรา
นั่นก็คือ ELCB ของ Haco และของ Kyokuto ราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าบาท แตกต่างกันแล้วแต่ร้านผู้จำหน่าย
ผู้ผลิตบางราย ผลิตเครื่องป้องกันไฟดูด ที่ป้องกันได้ทั้ง ไฟดูด-ไฟรั่ว ไฟลัดวงจร และการใช้กระแสไฟเกินพิกัด แต่ใช้คำเรียก
สินค้าตัวนั้นว่า ELCB อาจจะสร้างความสับสนไปบ้าง แต่เมื่อมาดูที่ค่า IC จะพบว่ามันทนทานต่อกระแสลัดวงจรได้เพียงไม่มาก
เพิ่มเติม เกี่ยวกับ ELCB:
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kanichikoong&month=10-12-2008&group=17&gblog=3
Saft-T-Cut กับ RCBO
=================
RCBO ทั่วไป ที่มีค่า sensitive การตรวจจับกระแสไฟที่รั่วลงดิน แบบตายตัว (ระดับมาตรฐาน)
Saft-t-cut คือ RCBO ที่มีปุ่มปรับตั้งค่า sensitive ได้หลายค่า
วงจรภายใน Safe-T-Cut
- ลูกเซอร์กิตเบรกเกอร์ 3ขั้ว
- วงจรขยายสัญญาณ
- ชุดปรับค่าขยายสัญญาณ(ปรับความไว)
- ตัวแกนที่ทำหน้าที่ชักกลไกลเมนเบรกเกอร์ให้ปลดวงจร
- คอยล์แบบ CT ไว้ตรวจจับกระแสไฟในกรณีที่ไหลกลับมาไม่เท่ากัน
- ตัวต้านทานกับปุ่มช็อต ที่เอาไว้เทสกลไกลของตัวมันเอง
ตัวอย่าง การติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
ต่อสายดินเข้ากับสายเส้นศูนย์ (นิวทรัล) ที่ตู้เมนสวิตช์ ทำไม?
----------------------------------------------------------------
เพื่อให้ระบบสายดินทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ทำให้กระแสลัดวงจรที่ไหลลงสายดิน สามารถไหลย้อนกลับไปหม้อแปลงของการไฟฟ้าฯทางสายเส้นศูนย์ได้อีกทางหนึ่ง
(ไหลได้สะดวกกว่าการไหลลงดินเส้นทางเดียว)
ทำให้กระแสลัดวงจรมีค่าสูง และเครื่องตัดกระแสลัดวงจร (เบรกเกอร์หรือฟิวส์) สามารถตัดไฟออกได้อย่างรวดเร็ว
ที่มา:
http://www.havells-sylvania.co.th/lightingtip_qa.php?id=22
http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2009/11/R8595040/R8595040.html
ประสพการณ์, เรื่องราวทั่วไป, แง่คิด, มุมมอง ที่น่าสนใจ - สิริพงษ์ พงศ์ภิญโญภาพ
Tuesday, March 29, 2011
neutral wire
ระบบไฟฟ้า 1 เฟส
==========
คือ ระบบไฟฟ้าที่จ่ายมา 2 เส้น
ประกอบด้วยสายเส้นที่มีไฟหนึ่งเส้น เรียกว่า สายเส้นเฟส หรือเส้นไฟ (เขียนแทนตัวอักษรย่อว่า L หรือ P)
และอีกเส้นที่เหลือไม่มีไฟเรียกว่า สายนิวทรัล (Neutral) หรือสายศูนย์ (เขียนแทนด้วยอักษรย่อว่า N หรือเลขศูนย์ )
ไฟฟ้าที่จ่ายในบ้านที่อยู่อาศัยจะวัดแรงดันไฟฟ้าระหว่างสาย L และ N ได้ค่าประมาณ 220 โวลต์
สาย Neutral มีกระแสไฟฟ้าไหลมั้ย?
======================
มี แน่ๆเลย
เครื่องตัดไฟรั่ว จะตรวจดูไฟที่ไหลเข้า และไหลออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่ามีค่าเท่ากันมั้ย
เอากระแสไฟฟ้ามาจากไหน?
==============
ก็จากไฟที่ไหลเข้านั่นไง
เปรียบ load อุปกรณ์เป็น R ตัวใหญ่ๆสักตัวนึง
เอาขามาจิ้มเข้ากับทั้ง 2 สาย
สาย Neutral ดูดมั้ย?
==============
แต่ไม่ดูด
ตราบใดที่ ความต้านทานในตัวคนเรานั้นมีค่าสูงกว่าค่าความต้านทานของสายไฟที่เรานำมาต่อ
เราโดนไฟดูด เพราะ ไฟฟ้าใช้ร่างกายเป็น ทางผ่านของกระแสไฟฟ้าลงดิน
ทำไมไฟฟ้าชอบไหลลงดิน?
=============
ธรรมชาติ ของไฟฟ้า
ไฟฟ้านั้นมีโอกาสผ่านลงดินได้ จะไหลลงดินทันที
(โลกเปรียบ เสมือนมี ความต้านทานเป็น ศูนย์ )
ระบบการจำหน่ายไฟฟ้า (ทั้งทางด้าน แรงดันไฟฟ้าสูงและแรงดันไฟฟ้าต่ำ )จะมีการต่อ วงจรส่วนหนึ่งลงดินไว้
ไฟฟ้าจึงพยายามจะไหลลงดินเพื่อให้ครบวงจรกับดิน
ที่มา http://www.npc-se.co.th/news_safety/npcse_01safety.asp?news_id=1549
ถ้าเสียบเฉพาะ สายเส้นเฟส แล้วอีกเส้นต่อลงดิน จะทำงานได้มั้ย?
===============================
มีคนบอกว่าได้
แต่ถ้าติดตั้งเครื่องป้องกันไฟรั่วไว้ เครื่องจะ Trip ตัดไฟออกจากระบบ
==========
คือ ระบบไฟฟ้าที่จ่ายมา 2 เส้น
ประกอบด้วยสายเส้นที่มีไฟหนึ่งเส้น เรียกว่า สายเส้นเฟส หรือเส้นไฟ (เขียนแทนตัวอักษรย่อว่า L หรือ P)
และอีกเส้นที่เหลือไม่มีไฟเรียกว่า สายนิวทรัล (Neutral) หรือสายศูนย์ (เขียนแทนด้วยอักษรย่อว่า N หรือเลขศูนย์ )
ไฟฟ้าที่จ่ายในบ้านที่อยู่อาศัยจะวัดแรงดันไฟฟ้าระหว่างสาย L และ N ได้ค่าประมาณ 220 โวลต์
สาย Neutral มีกระแสไฟฟ้าไหลมั้ย?
======================
มี แน่ๆเลย
เครื่องตัดไฟรั่ว จะตรวจดูไฟที่ไหลเข้า และไหลออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่ามีค่าเท่ากันมั้ย
เอากระแสไฟฟ้ามาจากไหน?
==============
ก็จากไฟที่ไหลเข้านั่นไง
เปรียบ load อุปกรณ์เป็น R ตัวใหญ่ๆสักตัวนึง
เอาขามาจิ้มเข้ากับทั้ง 2 สาย
สาย Neutral ดูดมั้ย?
==============
แต่ไม่ดูด
ตราบใดที่ ความต้านทานในตัวคนเรานั้นมีค่าสูงกว่าค่าความต้านทานของสายไฟที่เรานำมาต่อ
เราโดนไฟดูด เพราะ ไฟฟ้าใช้ร่างกายเป็น ทางผ่านของกระแสไฟฟ้าลงดิน
ทำไมไฟฟ้าชอบไหลลงดิน?
=============
ธรรมชาติ ของไฟฟ้า
ไฟฟ้านั้นมีโอกาสผ่านลงดินได้ จะไหลลงดินทันที
(โลกเปรียบ เสมือนมี ความต้านทานเป็น ศูนย์ )
ระบบการจำหน่ายไฟฟ้า (ทั้งทางด้าน แรงดันไฟฟ้าสูงและแรงดันไฟฟ้าต่ำ )จะมีการต่อ วงจรส่วนหนึ่งลงดินไว้
ไฟฟ้าจึงพยายามจะไหลลงดินเพื่อให้ครบวงจรกับดิน
ที่มา http://www.npc-se.co.th/news_safety/npcse_01safety.asp?news_id=1549
ถ้าเสียบเฉพาะ สายเส้นเฟส แล้วอีกเส้นต่อลงดิน จะทำงานได้มั้ย?
===============================
มีคนบอกว่าได้
แต่ถ้าติดตั้งเครื่องป้องกันไฟรั่วไว้ เครื่องจะ Trip ตัดไฟออกจากระบบ
Friday, March 18, 2011
ชีวิตการเรียน
รากฐานของตึกคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา
วัยเรียนรู้ ทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ รักที่จะเรียน และเรียนด้วยใจรัก
เก็บเกี่ยวความรู้ให้แม่นยำ มีหลักวิชาการ และทักษะการงาน และทักษะด้านสังคม
วัยเรียนรู้ ทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ รักที่จะเรียน และเรียนด้วยใจรัก
เก็บเกี่ยวความรู้ให้แม่นยำ มีหลักวิชาการ และทักษะการงาน และทักษะด้านสังคม
Labels:
Bedtime Story
Sunday, March 13, 2011
Think Global, Act Local
คิดแบบสากล ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานที่
ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ
ถ้าคิดกันแบบสากล "นามมงคล เลขศาสตร์ พยัญชนะมงคล,อัปมงคล" เชื่อถือได้หรอ?
ในเมื่อมันไม่ครอบคลุมภาษาอื่น !!
ถ้าชื่อ "ฟีนิกซ์" ไม่เป็นมงคล แล้วเขียนเป็น Phoenix หละ จะมงคลมั้ย ??
แล้วชื่อของคนรัสเซีย หรือนอร์เวย์หละ มีศาสตร์อย่างเดียวกันหรือเปล่า ???
การอยู่ไฟ ที่คนไทยเชื่อกันนักหนา
แต่ หมอบัลเลย์ ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๓
พยายามเขียนไว้ใน "คัมภีร์ครรภ์รักษา" ให้คนไทยเลิก
เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มารดาหลังคลอดเสียชีวิต
(และน่าจะเพราะว่า ไม่เคยเจอว่ามีที่อื่นในโลกเขาทำกัน)
เราควรเชื่อธรรมเนียมนี้แค่ไหน?
อ้างอิง http://valuablebook.tkpark.or.th/image/BL/bl.html
เพิ่มเติม http://siripong-blog.blogspot.com/2008/09/lie-by-fire-after-childbirth.html
ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ
ถ้าคิดกันแบบสากล "นามมงคล เลขศาสตร์ พยัญชนะมงคล,อัปมงคล" เชื่อถือได้หรอ?
ในเมื่อมันไม่ครอบคลุมภาษาอื่น !!
ถ้าชื่อ "ฟีนิกซ์" ไม่เป็นมงคล แล้วเขียนเป็น Phoenix หละ จะมงคลมั้ย ??
แล้วชื่อของคนรัสเซีย หรือนอร์เวย์หละ มีศาสตร์อย่างเดียวกันหรือเปล่า ???
การอยู่ไฟ ที่คนไทยเชื่อกันนักหนา
แต่ หมอบัลเลย์ ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๓
พยายามเขียนไว้ใน "คัมภีร์ครรภ์รักษา" ให้คนไทยเลิก
เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มารดาหลังคลอดเสียชีวิต
(และน่าจะเพราะว่า ไม่เคยเจอว่ามีที่อื่นในโลกเขาทำกัน)
เราควรเชื่อธรรมเนียมนี้แค่ไหน?
อ้างอิง http://valuablebook.tkpark.or.th/image/BL/bl.html
เพิ่มเติม http://siripong-blog.blogspot.com/2008/09/lie-by-fire-after-childbirth.html
Labels:
detailed consideration,
อยู่ไฟ
repeat goodness
ฟีนิกซ์กัดเคลียร์ เนื่องจากขึ้นมานั่งจักรยานคันใหม่โดยไม่ได้ขออนุญาต
ระหว่างที่คุยกับฟีนิกซ์ให้กล่าวขอโทษเคลียร์
ว่าทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ เขาเจ็บ เขาร้องไห้ ...
และอีกหลากหลายมุม เพื่อให้เขาคิดหลายๆแง่ เช่น
ผลการกระทำต่อคุณแม่
คุณแม่จะถูกผู้อื่นตำหนิ ถ้าลูกทำตัวไม่ดี
คุณแม่จะภูมิใจในความกล้าหาญที่จะกล่าวคำขอโทษ
ธามที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย.. ยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแทนฟีนิกซ์ !!!
แล้วก็หัดมาถามกู๋เอ้งว่า "แม่ธามจะภูมิใจในตัวธามมั๊ยคับ กู๋เอ้ง"
...
เมื่อลูกประพฤติดี อย่าลืมบอกกับเขาด้วยว่า
"เราชอบ" "เราภูมิใจในตัวเขา"
(เช่น ที่เขาแบ่งของเล่นให้เพื่อน)
น่าจะเป็นการเน้นย้ำในสิ่งดีได้ด้วย
เขาคิดไม่ถึงนะ ถ้าเราไม่บอก
ระหว่างที่คุยกับฟีนิกซ์ให้กล่าวขอโทษเคลียร์
ว่าทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ เขาเจ็บ เขาร้องไห้ ...
และอีกหลากหลายมุม เพื่อให้เขาคิดหลายๆแง่ เช่น
ผลการกระทำต่อคุณแม่
คุณแม่จะถูกผู้อื่นตำหนิ ถ้าลูกทำตัวไม่ดี
คุณแม่จะภูมิใจในความกล้าหาญที่จะกล่าวคำขอโทษ
ธามที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย.. ยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแทนฟีนิกซ์ !!!
แล้วก็หัดมาถามกู๋เอ้งว่า "แม่ธามจะภูมิใจในตัวธามมั๊ยคับ กู๋เอ้ง"
...
เมื่อลูกประพฤติดี อย่าลืมบอกกับเขาด้วยว่า
"เราชอบ" "เราภูมิใจในตัวเขา"
(เช่น ที่เขาแบ่งของเล่นให้เพื่อน)
น่าจะเป็นการเน้นย้ำในสิ่งดีได้ด้วย
เขาคิดไม่ถึงนะ ถ้าเราไม่บอก
Labels:
raising children
Tuesday, March 8, 2011
remind yourself (draft)
ควบคุมตนเอง
==========
จะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวทำ
จะสูงจะต่ำ อยู่ที่ทำตัว
ความซื่อสัตย์
==========
ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว
แต่คนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
การปฏิบัติตัวต่อผู้อื่น
==============
ยิ่งอวดอำนาจ ยิ่งดูต่ำศักดิ์
ยิ่งสุภาพ ยิ่งดูมีบารมี
ผู้มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
ความคิด
======
อยู่คนเดียวให้ระวังยั้งความคิด อยู่ร่วมมิตรให้ระวังยั้งคำขาน
Open-minded
Think global, Act local.
เปิดใจ พร้อมรับสิ่งใหม่
=================
จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
หมั่นแสวงหาความรู้
==============
หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านมัน
ประมาณตน ถ่อมตน
==============
อย่าคิดว่าเราเก่ง
คนที่เคยทำได้เหมือนเรา และดีกว่าก็มีมากในโลกนี้
- พระบรมราโชวาท
มีเป้าหมายในชีวิต
=============
มีแต่ปลาที่ตายแล้วเท่านั้น ที่จะยอมให้กระแสน้ำพัดพาไปอย่างไร้จุดหมาย
ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
นอกจากเป้าหมายแล้ว ให้เขียนวิธีการควบคู่ลงไปด้วย
การวางแผน
==========
เป็นนักบริหารต้องหมั่นตรวจตราสิ่งที่ทำแล้ว และสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ - พุทธภาษิต
Albert Einstein นิยามความวิกลจริตไว้ว่า คือ
การทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา และหวังให้ผลของมันเปลี่ยนไป
เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เหมือนเวลากำลังแนะนำคนอื่น ให้ทำในสิ่งที่เขาจะภูมิใจในตัวเองภายหลัง - ฐิตินาถ
มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
ตรวจสอบตนเอง
=============
จงหมั่นใช้ธรรมะส่องตน ดั่งเช่นใช้กระจกตรวจใบหน้า หยิบสิ่งสกปรกออกจากชีวิต
หมั่นพัฒนาตน
==========
หยุดพัฒนาตนเอง คือเริ่มต้นถอยหลัง - Wright
ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเปล่าประโยชน์
==============================
วันที่เลวร้ายที่สุด คือ วันที่ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์
พรุ่งนี้จะดีได้ ถ้าวันนี้ทำดีแล้ว
???
===
สำคัญที่สุดของชีวิต คือ การทำความดี
โชคดีที่สุดของชีวิต คือ สุขภาพที่แข็งแรง
มีความสุขมากที่สุดของชีวิต คือ มีศีลธรรม
การให้ที่มีค่ามากที่สุดของชีวิต คือ การให้อภัย
บาปกรรมใหญ่หลวงที่สุดของชีวิต คือ ไม่กตัญญู
ภาคภูมิใจที่สุดของชีวิต คือ การช่วยเหลือผู้อื่น
เข้มแข็งที่สุดของชีวิต คือ ความสามัคคี
ชัยชนะที่สุดของชีวิต คือ ชนะสิ่งไม่ดีของตนเอง
ความผิดที่สุดของชีวิต คือ ไม่รู้ว่าตนเองทำผิด
ความโง่เขลาที่สุดของชีวิต คือ ติดยาเสพติด
มี ความทุกข์ที่สุดของชีวิต คือ สร้างความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูล
พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิต คือ ทะนงตัว
ยากจนที่สุดของชีวิต คือ ใช้เงินสุรุ่ย สุร่าย
ความวิบัติที่สุดของชีวิต คือ การพนัน
ตกต่ำ สิ้นคิดที่สุดของชีวิต คือ ไม่สุจริต ขี้ขโมย
น่ารักที่สุดของชีวิต คือ อ่อนน้อม ถ่อมตน
น่ารังเกียจที่สุดของชีวิต คือ การนินทา
สวยงามที่สุดของชีวิต คือ ความจริงใจ
ขยะแขยงที่สุดของชีวิต คือ การเสแสร้าง
ลำบากที่สุดของชีวิต คือ ความขี้เกียจ
ยอมรับที่ สุดของชีวิต คือ ความก้าวหน้า
สุดท้ายที่สุดของชีวิต คือ การเป็นคนดี มีคนรัก อย่าเรียกร้องน้ำใจด้วยเงิน และ อย่าตอบแทนน้ำใจด้วยเงิน
==========
จะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวทำ
จะสูงจะต่ำ อยู่ที่ทำตัว
ความซื่อสัตย์
==========
ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว
แต่คนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
การปฏิบัติตัวต่อผู้อื่น
==============
ยิ่งอวดอำนาจ ยิ่งดูต่ำศักดิ์
ยิ่งสุภาพ ยิ่งดูมีบารมี
ผู้มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
ความคิด
======
อยู่คนเดียวให้ระวังยั้งความคิด อยู่ร่วมมิตรให้ระวังยั้งคำขาน
Open-minded
Think global, Act local.
เปิดใจ พร้อมรับสิ่งใหม่
=================
จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
หมั่นแสวงหาความรู้
==============
หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านมัน
ประมาณตน ถ่อมตน
==============
อย่าคิดว่าเราเก่ง
คนที่เคยทำได้เหมือนเรา และดีกว่าก็มีมากในโลกนี้
- พระบรมราโชวาท
มีเป้าหมายในชีวิต
=============
มีแต่ปลาที่ตายแล้วเท่านั้น ที่จะยอมให้กระแสน้ำพัดพาไปอย่างไร้จุดหมาย
ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
นอกจากเป้าหมายแล้ว ให้เขียนวิธีการควบคู่ลงไปด้วย
การวางแผน
==========
เป็นนักบริหารต้องหมั่นตรวจตราสิ่งที่ทำแล้ว และสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ - พุทธภาษิต
Albert Einstein นิยามความวิกลจริตไว้ว่า คือ
การทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา และหวังให้ผลของมันเปลี่ยนไป
เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เหมือนเวลากำลังแนะนำคนอื่น ให้ทำในสิ่งที่เขาจะภูมิใจในตัวเองภายหลัง - ฐิตินาถ
มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
ตรวจสอบตนเอง
=============
จงหมั่นใช้ธรรมะส่องตน ดั่งเช่นใช้กระจกตรวจใบหน้า หยิบสิ่งสกปรกออกจากชีวิต
หมั่นพัฒนาตน
==========
หยุดพัฒนาตนเอง คือเริ่มต้นถอยหลัง - Wright
ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเปล่าประโยชน์
==============================
วันที่เลวร้ายที่สุด คือ วันที่ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์
พรุ่งนี้จะดีได้ ถ้าวันนี้ทำดีแล้ว
???
===
สำคัญที่สุดของชีวิต คือ การทำความดี
โชคดีที่สุดของชีวิต คือ สุขภาพที่แข็งแรง
มีความสุขมากที่สุดของชีวิต คือ มีศีลธรรม
การให้ที่มีค่ามากที่สุดของชีวิต คือ การให้อภัย
บาปกรรมใหญ่หลวงที่สุดของชีวิต คือ ไม่กตัญญู
ภาคภูมิใจที่สุดของชีวิต คือ การช่วยเหลือผู้อื่น
เข้มแข็งที่สุดของชีวิต คือ ความสามัคคี
ชัยชนะที่สุดของชีวิต คือ ชนะสิ่งไม่ดีของตนเอง
ความผิดที่สุดของชีวิต คือ ไม่รู้ว่าตนเองทำผิด
ความโง่เขลาที่สุดของชีวิต คือ ติดยาเสพติด
มี ความทุกข์ที่สุดของชีวิต คือ สร้างความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูล
พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิต คือ ทะนงตัว
ยากจนที่สุดของชีวิต คือ ใช้เงินสุรุ่ย สุร่าย
ความวิบัติที่สุดของชีวิต คือ การพนัน
ตกต่ำ สิ้นคิดที่สุดของชีวิต คือ ไม่สุจริต ขี้ขโมย
น่ารักที่สุดของชีวิต คือ อ่อนน้อม ถ่อมตน
น่ารังเกียจที่สุดของชีวิต คือ การนินทา
สวยงามที่สุดของชีวิต คือ ความจริงใจ
ขยะแขยงที่สุดของชีวิต คือ การเสแสร้าง
ลำบากที่สุดของชีวิต คือ ความขี้เกียจ
ยอมรับที่ สุดของชีวิต คือ ความก้าวหน้า
สุดท้ายที่สุดของชีวิต คือ การเป็นคนดี มีคนรัก อย่าเรียกร้องน้ำใจด้วยเงิน และ อย่าตอบแทนน้ำใจด้วยเงิน
นิทานก่อนนอน : โกหก
คนเรายอมเสียความซื่อสัตย์ ก็เท่ากับสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
โกหกเพียงครั้ง ถูกสงสัยตลอดกาล
โกหกเพียงครั้ง ถูกสงสัยตลอดกาล
Labels:
Bedtime Story
Friday, March 4, 2011
เมื่อทำสิ่งผิดพลาด
Do no wrong is do nothing.
ผู้ทำผิดแล้วไม่แก้ไข กำลังทำผิดอีกครั้งหนึ่ง - ขงจื๊อ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรองจงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้าหกซ้ำ อภัยไฉน!
ท่านธมฺมวิตกฺโก ภิกฺขุ
ผู้ทำผิดแล้วไม่แก้ไข กำลังทำผิดอีกครั้งหนึ่ง - ขงจื๊อ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรองจงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้าหกซ้ำ อภัยไฉน!
ท่านธมฺมวิตกฺโก ภิกฺขุ
Labels:
Bedtime Story,
Mistakes
Thursday, March 3, 2011
when give a speech
พูดตรงประเด็น เน้นสาระ ชนะใจคน วางตนเป็นสื่อ ยึดถือเวลา
(ชนะใจคน = พูดสุภาพ เหมาะสม ให้เกียรติคนฟัง ภาษาที่เข้าใจได้ เป็นกันเอง ไม่อวดดี อวดรู้ อวดเก่ง)
(วางตนเป็นสื่อ = นำความคิดที่ดีของคนอื่นมาสนับสนุน)
คิดให้รอบ ชอบด้วยใจความ งดงามด้วยถ้อยคำ
จดจำด้วยสาระ เสริมทักษะคารม ประสมด้วยตัวอย่าง
กระจ่างด้วยเหตุผล แยบยลด้วยกลวิธี มีมนุษยสัมพันธ์
พูดจบแล้วนั้นประทับใจ
อ.สุนีย์ สินธุเดชะ
ที่มา 50 ความคิดเปลี่ยนชีวิตให้ดีกว่าเดิม
อ้อม ประนอม
(ชนะใจคน = พูดสุภาพ เหมาะสม ให้เกียรติคนฟัง ภาษาที่เข้าใจได้ เป็นกันเอง ไม่อวดดี อวดรู้ อวดเก่ง)
(วางตนเป็นสื่อ = นำความคิดที่ดีของคนอื่นมาสนับสนุน)
คิดให้รอบ ชอบด้วยใจความ งดงามด้วยถ้อยคำ
จดจำด้วยสาระ เสริมทักษะคารม ประสมด้วยตัวอย่าง
กระจ่างด้วยเหตุผล แยบยลด้วยกลวิธี มีมนุษยสัมพันธ์
พูดจบแล้วนั้นประทับใจ
อ.สุนีย์ สินธุเดชะ
ที่มา 50 ความคิดเปลี่ยนชีวิตให้ดีกว่าเดิม
อ้อม ประนอม
Wednesday, March 2, 2011
before marry someone
เราไม่ได้เลือกใครเพราะเขาสมบูรณ์แบบ แต่เพราะ เขามีจุดดีหลัก ๆที่เราประทับใจ
ส่วนจุดอ่อนด้อยนั้นเป็นส่วนปลีกย่อยที่เราสามารถ ยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็น
ในความเป็นจริง ไม่มีใครดีเลิศสมบูรณ์แบบ ถ้าเรามองไม่เห็นจุดอ่อนด้อยของ
เขาเลย นั่นแสดงว่า เรายังไม่รู้จักเขาอย่างแท้จริง หรือไม่ เราก็กำลังตกอยู่ในความ
หลงใหล ..จนไม่ลืมหูลืมตา
คนที่แต่งงานเพราะความเหงา จะยิ่งเหงาหนักเป็น 2 เท่า แต่งงานแบบคลุมถุง
ชน ก็มีแนวโน้มว่า ชีวิตจะมืดมนไปอีกนาน
ความสุข ความทุกข์ ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ชีวิตหลังแต่งงาน คิดให้ดีก่อนที่จะเลือกใคร
มาเป็นคู่ชีวิต...
ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว
ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาใคร อยู่เป็นโสดไป ก็ดีกว่า...
ที่มา fwd mail
ส่วนจุดอ่อนด้อยนั้นเป็นส่วนปลีกย่อยที่เราสามารถ ยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็น
ในความเป็นจริง ไม่มีใครดีเลิศสมบูรณ์แบบ ถ้าเรามองไม่เห็นจุดอ่อนด้อยของ
เขาเลย นั่นแสดงว่า เรายังไม่รู้จักเขาอย่างแท้จริง หรือไม่ เราก็กำลังตกอยู่ในความ
หลงใหล ..จนไม่ลืมหูลืมตา
คนที่แต่งงานเพราะความเหงา จะยิ่งเหงาหนักเป็น 2 เท่า แต่งงานแบบคลุมถุง
ชน ก็มีแนวโน้มว่า ชีวิตจะมืดมนไปอีกนาน
ความสุข ความทุกข์ ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ชีวิตหลังแต่งงาน คิดให้ดีก่อนที่จะเลือกใคร
มาเป็นคู่ชีวิต...
ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว
ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาใคร อยู่เป็นโสดไป ก็ดีกว่า...
ที่มา fwd mail
Labels:
detailed consideration
happy married life (draft)
อย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
รู้จักเสียสละความสุขของตน เพื่อคู่สมรส
ถนอมน้ำใจ (เช่น พูดจา) คนใกล้ตัว มากกว่า คนแปลกหน้า
บ้านจะเล็กหรือใหญ่ ไม่สำคัญ แต่ "ความรัก" ต้องใหญ่ที่สุดในบ้าน
คำว่า "รัก" พูดมากไป ย่อมดีกว่า พูดน้อยไป...
เมื่อเรา ทำผิด....จง "ขอโทษ" เมื่อเขา ทำผิด ....จง "ให้อภัย"
ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว
ยอมเป็นผู้แพ้ ดีกว่า เป็นผู้ชนะที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากชีวิตสมรสที่หักพัง...
"แก้ตัว" .... ช่วยอะไรไม่ได้ "แก้ไข".......ช่วยได้ทุกอย่าง...
เมื่อมีปัญหาในครอบครัว อย่าลืมใช้ความรักและหลักเหตุผลเป็นกรรมการตัดสิน
ไม่ใช้ อารมณ์ หรืออาวุธ..
ชีวิตคู่.. บางครั้งก็ไม่เข้าใจกันหรอก ... แต่ "ต้องไม่ทิ้งกัน"
ไม่มีครอบครัวใด ไม่มีปัญหา
ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมทุกเมื่อ
ครอบครัวจักสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง
เมื่อทุกคนในครอบครัวพร้อมใจ
แก้ปัญหาและรับผิดชอบร่วมกัน
งอนแต่พองาม...ก็งามดี
แต่งอนเกินพอดี ก็เกินงาม...
ต่างคนต่างแข็ง ไม่มีใครยอมอ่อนข้อต่อกัน...บ้าน...ก็คงไม่ต่างอะไรกับสนามรบ
เมื่อสามีอ่อนแอ ไม่รับบทบาทผู้นำ ความสับสนวุ่นวาย ก็ตามมา
เมื่อภรรยาพยายามแย่งบทบาทการนำจากสามี ชีวิตครอบครัวก็รอดยาก
ความไม่ซื่อสัตย์ ต่อกันเพียงครั้งเดียว ก็อาจสั่นคลอนความไว้วางใจที่มีให้กันได้
ท้ายที่สุด ชีวิตคู่ก็จบลงด้วยความแตกร้าว ยากเยียวยา
ความเห็นแก่ตัว สนใจแต่ปัญหา อารมณ์ ความรู้สึก และความสนใจของตัวเอง
ชีวิตคู่ ก็อยู่ด้วยกันยาก
ก่อหนี้สินจนล้นพ้นตัว ครอบครัวก็มีแต่ความตึงเครียดทุกเช้าเย็น
เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่ายเรียกร้องและคาดหวังจากกันและกันมากเกินพอดี
ปัญหาก็จะมีเรื่อยไป…ไม่สิ้นสุด
สามีภรรยาควรเอาใจใส่ดูแลกันและกันอย่างดีที่สุด...ย่อมดีกว่ามีแต่ภรรยาผู้ปรนนิบัติรับใช้สามี
ไม่มีอะไร ทำให้ภรรยาปวดร้าวใจ มากเท่าการค้นพบว่า สามีมีหญิงอื่นในหัวใจ
รักเดียว ...ใจเดียว ไม่ใช่เรื่องเชย แต่เป็นเรื่องดีที่สามีทุกคนในโลกควรกระทำ
การขอโทษภรรยาเมื่อทำผิด ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรี แต่เป็นศักดิ์ศรีของสามี...ที่แท้จริง
ไม่ควรมองว่า งานดูแลบ้าน เป็นความรับผิดชอบของภรรยา
สามีควรมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระอย่างสุดความสามารถเสมอ
สรีระรูปร่างหน้าตา ที่เปลี่ยนไปของภรรยา ไม่ควรเป็นเหตุให้ความรักในหัวใจ
ของสามีจืดจางลงแม้แต่น้อย
ควรระลึกอยู่เสมอว่า ...การนำครอบครัวนั้น คือ การนำโดยเห็นผลประโยชน์
ของครอบครัวเป็นหลักไม่ใช่ เพื่อความสุข ความพึงพอใจของตนเอง
ภรรยาที่ดี ควรสนับสนุนสามีให้ก้าวไกลในชีวิต ไม่ใช่ดึงรั้งให้หยุดอยู่กับที่หรือถอยหลัง
ภรรยาที่ดี ไม่ควรใช้วิธีการบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้สามีตัดสินใจตามความคิดของตน
ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวาน สามีต้องการภรรยาที่สงบนิ่ง ช่วยกันคิดหา
ทางออก ไม่ใช่ภรรยาที่เอาแต่โวยวาย ตีโพย ตีพายหรือร้องไห้ฟูมฟาย โดยปล่อยให้
เขาต้องแบกภาระหนักอึ้งเพียงลำพัง
เมื่อเราแต่งงานกัน
- เราสัญญาต่อกันว่า จะรักกันตลอดไป
- เราสัญญาต่อกันว่า จะดูแลกันตลอดไป จะไม่ทอดทิ้งกัน
รวบรวมจาก
fwd mail
ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
รู้จักเสียสละความสุขของตน เพื่อคู่สมรส
ถนอมน้ำใจ (เช่น พูดจา) คนใกล้ตัว มากกว่า คนแปลกหน้า
บ้านจะเล็กหรือใหญ่ ไม่สำคัญ แต่ "ความรัก" ต้องใหญ่ที่สุดในบ้าน
คำว่า "รัก" พูดมากไป ย่อมดีกว่า พูดน้อยไป...
เมื่อเรา ทำผิด....จง "ขอโทษ" เมื่อเขา ทำผิด ....จง "ให้อภัย"
ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว
ยอมเป็นผู้แพ้ ดีกว่า เป็นผู้ชนะที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากชีวิตสมรสที่หักพัง...
"แก้ตัว" .... ช่วยอะไรไม่ได้ "แก้ไข".......ช่วยได้ทุกอย่าง...
เมื่อมีปัญหาในครอบครัว อย่าลืมใช้ความรักและหลักเหตุผลเป็นกรรมการตัดสิน
ไม่ใช้ อารมณ์ หรืออาวุธ..
ชีวิตคู่.. บางครั้งก็ไม่เข้าใจกันหรอก ... แต่ "ต้องไม่ทิ้งกัน"
ไม่มีครอบครัวใด ไม่มีปัญหา
ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมทุกเมื่อ
ครอบครัวจักสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง
เมื่อทุกคนในครอบครัวพร้อมใจ
แก้ปัญหาและรับผิดชอบร่วมกัน
งอนแต่พองาม...ก็งามดี
แต่งอนเกินพอดี ก็เกินงาม...
ต่างคนต่างแข็ง ไม่มีใครยอมอ่อนข้อต่อกัน...บ้าน...ก็คงไม่ต่างอะไรกับสนามรบ
เมื่อสามีอ่อนแอ ไม่รับบทบาทผู้นำ ความสับสนวุ่นวาย ก็ตามมา
เมื่อภรรยาพยายามแย่งบทบาทการนำจากสามี ชีวิตครอบครัวก็รอดยาก
ความไม่ซื่อสัตย์ ต่อกันเพียงครั้งเดียว ก็อาจสั่นคลอนความไว้วางใจที่มีให้กันได้
ท้ายที่สุด ชีวิตคู่ก็จบลงด้วยความแตกร้าว ยากเยียวยา
ความเห็นแก่ตัว สนใจแต่ปัญหา อารมณ์ ความรู้สึก และความสนใจของตัวเอง
ชีวิตคู่ ก็อยู่ด้วยกันยาก
ก่อหนี้สินจนล้นพ้นตัว ครอบครัวก็มีแต่ความตึงเครียดทุกเช้าเย็น
เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่ายเรียกร้องและคาดหวังจากกันและกันมากเกินพอดี
ปัญหาก็จะมีเรื่อยไป…ไม่สิ้นสุด
สามีภรรยาควรเอาใจใส่ดูแลกันและกันอย่างดีที่สุด...ย่อมดีกว่ามีแต่ภรรยาผู้ปรนนิบัติรับใช้สามี
ไม่มีอะไร ทำให้ภรรยาปวดร้าวใจ มากเท่าการค้นพบว่า สามีมีหญิงอื่นในหัวใจ
รักเดียว ...ใจเดียว ไม่ใช่เรื่องเชย แต่เป็นเรื่องดีที่สามีทุกคนในโลกควรกระทำ
การขอโทษภรรยาเมื่อทำผิด ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรี แต่เป็นศักดิ์ศรีของสามี...ที่แท้จริง
ไม่ควรมองว่า งานดูแลบ้าน เป็นความรับผิดชอบของภรรยา
สามีควรมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระอย่างสุดความสามารถเสมอ
สรีระรูปร่างหน้าตา ที่เปลี่ยนไปของภรรยา ไม่ควรเป็นเหตุให้ความรักในหัวใจ
ของสามีจืดจางลงแม้แต่น้อย
ควรระลึกอยู่เสมอว่า ...การนำครอบครัวนั้น คือ การนำโดยเห็นผลประโยชน์
ของครอบครัวเป็นหลักไม่ใช่ เพื่อความสุข ความพึงพอใจของตนเอง
ภรรยาที่ดี ควรสนับสนุนสามีให้ก้าวไกลในชีวิต ไม่ใช่ดึงรั้งให้หยุดอยู่กับที่หรือถอยหลัง
ภรรยาที่ดี ไม่ควรใช้วิธีการบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้สามีตัดสินใจตามความคิดของตน
ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวาน สามีต้องการภรรยาที่สงบนิ่ง ช่วยกันคิดหา
ทางออก ไม่ใช่ภรรยาที่เอาแต่โวยวาย ตีโพย ตีพายหรือร้องไห้ฟูมฟาย โดยปล่อยให้
เขาต้องแบกภาระหนักอึ้งเพียงลำพัง
เมื่อเราแต่งงานกัน
- เราสัญญาต่อกันว่า จะรักกันตลอดไป
- เราสัญญาต่อกันว่า จะดูแลกันตลอดไป จะไม่ทอดทิ้งกัน
รวบรวมจาก
fwd mail
Subscribe to:
Posts (Atom)