Saturday, December 11, 2021

Dont be too smart to not love

อย่าเป็นคนฉลาดที่ไม่อาจรักใคร

อย่าเป็นคนถูกที่ไม่ยอมให้อภัย

อย่าเป็นคนเก่งจนไม่เห็นหัวใคร

อย่าเป็นคนชนะที่แพ้อยู่ร่ำไป

อย่าเป็นคนฉลาดที่ไม่อาจรักใคร – พออ่านมาเยอะ ฟังมาเยอะ คิดมาเยอะ แล้วก็ชอบนึกว่าตัวเองฉลาด ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ เห็นคนดีๆ หรือเรื่องดีๆ ก็ตั้งแง่ไว้ก่อน โปรดปรานทฤษฎีสมคบคิด ชอบมองคนอื่นว่าไร้เดียงสาหรือไม่ตั้งคำถาม สุดท้ายจึงได้เป็นคนฉลาดที่ไม่อาจรักหรือไว้ใจใครได้เลย

อย่าเป็นคนถูกที่ไม่ยอมให้อภัย – ถึงแม้ฝ่ายนั้นจะผิดจริงๆ เราก็ยกโทษให้เขาได้ ถึงแม้เราจะถูกเราก็ยังกล่าวขอโทษได้เพื่อเป็นการปลดล็อคทางความรู้สึก การถือโทษโกรธเคืองสุดท้ายแล้วมันทำร้ายใครมากที่สุดเราก็รู้อยู่แก่ใจ

อย่าเป็นคนเก่งจนไม่เห็นหัวใคร – พอคนเราประสบความสำเร็จก็จะนึกว่าเป็นเพราะความเก่งของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วมันคือเก่งบวกเฮง ถ้าเก่งแต่จังหวะไม่ดีก็อาจไม่รุ่ง เราเก่งวันนี้ เราอาจจะห่วยวันหน้าก็ได้ คนที่เราดูแคลนในวันนี้อาจกลายมาเป็นคนที่ให้คุณให้โทษกับเราก็ได้ อย่าให้ความถือดีของเราไปทำให้ใครเจ็บ สุภาษิตจีนท่านว่าไว้ มีเพื่อนร้อยคนน้อยเกินไป มีศัตรูหนึ่งคนมากเกินไปแล้ว

อย่าเป็นคนชนะที่แพ้อยู่ร่ำไป – เราอาจเถียงชนะแต่เราแพ้ในความสัมพันธ์ เราอาจชนะในที่ทำงานแต่แพ้เรื่องครอบครัว เราอาจชนะในเรื่องการเงินแต่แพ้เรื่องสุขภาพ เราอาจชนะศึกแต่แพ้สงคราม

แพ้บ้างก็ได้ จะได้ชนะในเรื่องที่สำคัญกว่าครับ

------

Anontawong's Musings
https://www.facebook.com/100044246268437/posts/454220739396131/

Friday, December 3, 2021

Everything I never told you

 “ลิเดียตายไปแล้ว แต่ทุกคนยังไม่รู้ว่าเธอตายไป …” 

เป็นการบอกเล่าเรื่องราวการหายตัวไปจากบ้านของ 'ลิเดีย' เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง

หลังจากนั้นตำรวจก็พบร่างของลิเดียที่เสียชีวิตแล้วที่ทะเลสาบในป่าใกล้บ้าน

.

พ่อแม่ของลิเดียไม่คิดมาก่อนว่าลูกสาวคนโตของพวกเขาจะเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน ตำรวจสรุปสาเหตุว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย 

แต่ว่าแม่ของลิเดียไม่เชื่อว่าลูกสาวที่เธอคิดเสมอว่าน่ารัก เชื่อฟัง ไม่เคยทำตัวให้พ่อแม่ไม่สบายใจ จะตัดสินใจฆ่าตัวตายได้ 

พ่อแม่รวมถึงพี่ชายของลิเดีย จึงพยายามสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิต

.

ฉากหลังของหนังสือเกิดในช่วงปี 1970s ซึ่งตอนนั้นประเทศสหรัฐอเมริกามีการกีดกันเรื่องเชื้อชาติ และสิทธิสตรีในสังคมยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร

พ่อของลิเดียเป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีน แม้เกิดในอเมริกา ทั้งที่มีความสามารถสูง แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน เพราะความที่มีเชื้อชาติเอเชีย 

ส่วนแม่ของเธอเป็นคนอเมริกันผิวขาว เกิดมาในสังคมที่คาดหวังว่าผู้หญิงไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำกับข้าวอร่อยๆ และทำหน้าที่ดูแลครอบครัวก็พอ จีงมีความฝันว่าอยากเรียนสูงๆ และอยากเป็นหมอเพื่อจะพิสูจน์ว่าผู้หญิงก็เก่ง และไม่จำเป็นต้องเป็นช้างเท้าหลังของผู้ชาย 

.

แต่เมื่อแม่คบกันกับพ่อและแม่ตั้งท้อง แม่จึงไม่สามารถทำตามความฝัน ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันมาแต่งงานและเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก

พ่อแม่มีลูกสามคน ลิเดียเป็นลูกสาวคนโตที่แม่ตั้งความหวังไว้ว่า อยากให้ลิเดียเรียนหมอ ชดเชยสิ่งที่แม่ทำไม่ได้ในอดีต 

นอกจากนั้นพ่อก็พยายามกระตุ้นให้ลูกๆ มีเพื่อนมากๆ คบคนเยอะๆ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทำตัวให้กลมกลืนเป็นที่รักของคนรอบข้าง เพื่อจะได้ไม่เหมือนพ่อที่เกิดมาและใช้ชีวิตในสังคมที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวกเสมอมา

ตั้งแต่เด็ก ลิเดียพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะเป็นลูกทำให้พ่อแม่ยิ้มและมีความสุข แต่ลึกๆ ก็มีความกดดัน รู้สึกพ่อแม่ไม่ยอมรับในตัวตนของเธอ 

พ่อแม่ลิเดียคาดหวังให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองคิดว่าดี เพราะสิ่งต่างๆ เป็นปมในใจของตัวเองในอดีต จนบางครั้งลืมไปว่าลูกกับตัวเองเป็นคนละคนกัน


ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้ก็คือ คนเขียนบรรยายลักษณะของตัวละครทุกๆ ตัวได้อย่างชัดเจน 

เล่าถึงที่มาที่ไป ชีวิตของพ่อแม่ ชีวิตของลิเดีย พี่น้อง เพื่อน ทำให้ให้เห็นภาพของปัจเจกและเห็นความสัมพันธ์ของตัวละคร ทำให้คนอ่านเข้าใจเรื่องราว และอธิบายได้ว่า เพราะอะไรคนนี้ทำแบบนั้น คนนั้นทำแบบนี้ 

เพราะว่าเป็นเรื่องราวของเด็กและครอบครัว บางส่วนก็คงทำให้คนอ่านอินได้ไม่ยาก เพราะสื่อประเด็นเรื่องของ ความฝัน ความคาดหวัง การต้องการเป็นที่รักและยอมรับ ความเข้าใจ เอาใจใส่ความรู้สึกของคนที่อยู่รอบข้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของทุกคน 

จึงคิดว่าคนที่ได้อ่านน่าจะได้ย้อนกลับมาดูตัวเองและคนรอบข้าง 

โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่ ควรที่จะได้อ่าน เพื่อที่จะได้เข้าใจเด็กๆ และจะได้ไม่ต้องมาเข้าใจในวันที่สายเกินไป

#หมอมินบานเย็น

https://www.facebook.com/468898189816039/posts/4743124385726710/