Thursday, June 18, 2020

Bamboo

#บทเรียนจากต้นไผ่
.
วันหนึ่งฉันตัดสินใจจะหยุดชีวิตการทำงานอันวุ่นวาย หยุดความสัมพันธ์กับผู้คนที่ยุ่งเหยิง เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ได้เจอกับพ่อผู้ชรา ฉันถามพ่อว่า
.
"พ่อครับ ทำไมการใช้ชัวิตให้ดีมันยากนักครับ”
"ลูกจงมองไปรอบๆ มองเห็นเฟิร์นและต้นไผ่ไหม" พ่อถาม
"เห็นครับ" ฉันตอบ
.
"เมื่อเริ่มต้นสร้างเฟิร์นและเพาะเมล็ดต้นไผ่ พ่อตั้งใจอย่างดีที่สุด พ่อให้แสงสว่าง พ่อรดน้ำ เฟิร์นเติบโตอย่างรวดเร็วปกคลุมพื้นดิน เขียวสะพรั่งเต็มไปหมด ขณะที่ยังไม่มีอะไรงอกออกมาจากเมล็ดไผ่ แต่พ่อยังไม่หยุดเลี้ยงดูต้นไผ่ ปีที่สอง เฟิร์นเติบโตขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาและมากมายเต็มไปหมด และอีกครั้ง ที่ยังไม่มีอะไรงอกออกมาจากเมล็ดต้นไผ่ ปีที่สาม ก็ยังไม่มีอะไรงอกออกมาจากเมล็ดต้นไผ่ แต่พ่อก็ยังไม่หยุดรดน้ำดูแลต้นไผ่"
.
"ในปีที่ห้า เริ่มมีต้นอ่อนงอกออกมาพ้นผืนดิน เมื่อเปรียบเทียบกับเฟิร์น ต้นไผ่อ่อนนั้นมันช่างดูจ้อยร่อยและไม่มีความหมายอะไรเลย แต่อีกหกเดือนต่อมา ต้นไผ่เติบโตขึ้นสูงกว่า 100 ฟุต
.
ต้นไผ่ใช้เวลากว่าห้าปีในการสร้างรากที่แข็งแรง และ รากที่สมบูรณ์แบบจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ต้นไผ่ดำรงชีวิตอยู่ได้ พ่อย่อมไม่ปล่อยให้สิ่งที่พ่อสร้างขึ้นมา ต้องพบกับสิ่งท้าทายที่ยากเกินจะรับมือได้"
.
พ่อถามฉัน "ลูกรู้ไหม ทุกครั้งที่ลูกเจออุปสรรค ลูกก็จะมีรากที่แข็งแรงงอกเพิ่มขึ้น และ เช่นกัน พ่อไม่เคยหมดหวังในต้นไผ่ฉันใด พ่อก็ไม่เคยหมดหวังในตัวลูกฉันนั้น"
.
"จงอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ต้นไผ่ย่อมมีเป้าหมายในการเติบโต และ ดำรงชีวิตอยู่ไม่เหมือนกับเฟิร์น แต่ทั้งต้นไผ่และเฟิร์นก็ล้วนแต่ทำให้ป่าสวยงาม โอกาสของลูกจะมาถึง ชีวิตของลูกจะต้องดีขึ้น"
.
"ดีขึ้นแค่ไหนครับ" ฉันถาม
"ต้นไผ่สูงได้แค่ไหนหล่ะ" พ่อถามกลับ
"สูงเท่าที่ต้นไผ่จะสูงได้" ฉันตอบ
"ถูกต้องแล้วลูกรัก จงทำให้พ่อภูมิใจด้วยการที่ลูกมีชีวิตอยู่ด้วยความสามารถสูงสุดเท่าที่ลูกมี"

ที่มา: ป้าหมอสุธีรา

Sunday, June 14, 2020

Parentpreneur

[ Parentpreneur พ่อแม่คือนักประกอบการ ] 
.
 "หยุดกังวลกับลูกวัยรุ่น แล้วทำสิ่งนี้แทน "  
.
ช่วงที่ลูกอยู่ในวัยเด็ก  
Keyword ของพ่อแม่คือทำหน้าที่ "ผู้ปกครอง" 
.
ครั้นพอลูกเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น 
keyword ของบทบาทพ่อแม่ต้องเปลี่ยนนะคะ
ต้องถอดและวาง ความเป็นผู้ปกครองลง
แล้วสวมบทใหม่ เป็น "เพื่อนร่วมทีม" 
.
( ครูแม่ส้มอยากชวนให้ลองนั่งนิ่งๆสัก 1 นาที แล้วพิจารณาคำว่า"ผู้ปกครอง" ว่าเห็นนัยยะอะไรในคำว่า"ผู้ปกครอง"บ้าง

แล้วทีนี้ลองพิจารณาคำว่า"ทีมเวิร์ค"บ้าง เห็นภาพอะไรที่แตกต่างจากคำว่า"ผู้ปกครอง"บ้างคะ )
.

การเป็นทีมกับลูกวัยรุ่น เป็นกระบวนการสำคัญของการสอนภาวะผู้นำให้ลูกวัยรุ่น   สิ่งที่พ่อแม่ต้องฝึก คือ   
.
1. ฝึกปล่อยวาง"อำนาจ"  

วิธีเตือนใจตัวเอง :  คือ เตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวเป็น"ผู้ปกครอง"ตลอดเวลา   ให้วางตัวเป็นเพื่อนร่วมทีม   ลูกจะเรียนรู้เรื่องการผลัดกันนำ-ผลัดกันตาม และนี่เป็นโอกาสทองของการสร้างภาวะผู้นำอย่างฉลาด 
.

2. สร้าง"ความไว้วางใจ"  

วิธีเตือนใจตัวเอง  : คือ  ให้คิดเสมอว่า ถ้าเราไว้วางใจลูกในเรื่องเล็กๆ  ลูกก็จะค่อยๆไว้วางใจเรา  จากเรื่องเล็กๆ  ต่อๆไป เราก็จะสามารถไว้วางใจกันและกันในเรื่องใหญ่ๆได้    

งานวิจัยเกี่ยวกับสมอง บ่งชี้ว่า สมองส่วนหน้า Prefrontal Cortex หรือที่เรียกว่า Executive Functions Brain  จะพัฒนาและทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีความรู้สึกไว้วางใจ   

คือถ้ารู้สึกไม่ไว้วางใจ สมองจะส่งสัญญาณว่ามีอันตราย ไม่ว่าจะอันตรายต่อร่างกายหรือต่ออารมณ์   สมองส่วน Limbic จะทำงานในเชิงป้องกันภัยทันที (จะแสดงออกด้วยภาษาท่าทาง สีหน้า แววตา นำเสียง และพฤติกรรม)  

คนที่ต้องใช้สมองทำงานในโหมดปกป้องมากเกินไป  จะทำให้การพัฒนาในเชิงสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ลดลง 

ดังนั้น พ่อแม่นักประกอบการ ควรเข้าใจการทำงานของสมองตรงนี้ และควรสร้างบรรยากาศการอยู่กับลูก ให้เป็นบรรยากาศแห่งความไว้วางใจกันและกัน 
.

3. พ่อแม่ต้องเป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าไปใน"โลกของลูก"  

วิธีเตือนใจตัวเอง : คือต้องรู้ว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่และลูกวัยรุ่น  ส่วนใหญ่เกิดจากความคาดหวัง  คาดหวังอะไร  พ่อแม่คาดหวังว่าลูกจะเข้าใจ"โลกของพ่อแม่"  

ซึ่งลองถามตัวเองดูว่า ด้วยวุฒิภาวะและประสบการณ์ของเด็กสิบกว่าขวบ จะสามารถเข้าใจโลกของพ่อแม่ได้จริงหรือ   

จะง่ายกว่าไหม ถ้าพ่อแม่(ซึ่งเคยผ่านวัยรุ่นมาแล้ว)จะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปในโลกของลูกแทน   นี่เป็นการ"ปล่อยวาง"ที่สำคัญ  ปล่อยวางอีโก้ ปล่อยวางความกลัว  ปล่อยวางความคาดหวัง  ปล่อยวางแผนที่โลกของพ่อแม่  และเป็นฝ่ายเดินเข้าไปในแผนที่โลกของลูกแทน

fb: Som Amorn Kroosom

Wednesday, June 3, 2020

Happiness

1. คนหนึ่งมองหาสิ่งที่ขาด
อีกคนมีความสุขกับสิ่งที่มี

2. คนหนึ่งมองหาแต่วิธีลืม
อีกคนทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

3. คนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
อีกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลง

4. คนหนึ่งหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อดับทุกข์
อีกคนเรียนรู้ว่าทุกข์อยู่ที่ใจ

5. คนหนึ่งมัวแต่นั่งเสียใจกับคนที่จากไป
อีกคนขอบใจกับคนที่ยังอยู่ข้างๆ

6. คนหนึ่งมองหาแต่ความรัก
อีกคนเข้าใจว่าจริงๆแล้วไม่มีคนรักก็ไม่ทุกข์

7. คนหนึ่งคิดแต่ครอบครอง
อีกคนเข้าใจว่าการไม่ครอบครอง ก็จะไม่สูญเสีย

8. คนหนึ่งพูดไม่คิดกับคนที่รัก
อีกคนคิดก่อนพูดกับคนที่รัก

9. คนหนึ่งคิดแต่ว่าตัวเองไม่มีค่า
อีกคนเห็นค่าคนที่รู้ค่าตัวเอง

10.คนหนึ่งเก็บทุกเรื่องมาคิด
อีกคนอภัยทุกเรื่องก่อนนอน...

ที่มา : internet