สิ่งสำคัญที่เรียกว่า วิสัยทัศน์
- วิสัยทัศน์ คือมุมมองระยะยาวต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งว่าเรามองเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ จะเป็นอย่างไร นับจากวันนี้ไปในอีก X ปีข้างหน้า
- วิสัยทัศน์ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องธุรกิจเท่านั้น เพราะเรื่องชีวิตส่วนตัวของเรา เราก็ต้องกำหนดสิสัยทัศน์ให้ตัวเองเช่นกัน
- วิสัยทัศน์เป็นการกำหนดความฝัน เป็นการคิดเป็นภาพไว้ในจินตนาการของเรา จากนั้นตึงเอาภาพฝันนั้นมากำหนดเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน และเลือกกลยุทธ์และวิธีการที่ต้องทำเพื่อห้ไปถึงเป้าหมายนั้นต่อไป ตัวอย่างเช่น
วิสัยทัศน์ -> ฟุตบอลไทยจะไปแข่งบอลโลก ภาพในความฝันคือ นักบอลไทย กองเชียร์ไทยกำลังอยู่ในบรรยากาศสนามแข่ง
เป้าหมาย -> ฟุตบอลไทยจะไปแข่งบอลโลกในปี 2030
กลยุทธ์ -> ใช้นักเตะชาติอื่นโอนสัญชาติเป็นไทย เพื่อลดข้อเสียเปรียบด้านรูปร่าง
วิธีการ -> ส่งแมวมองไปจับเด็กยุวชน เยาวชนจากประเทศอื่นมาอยู๋ในไทย เพื่อให้ได้สิทธิในการโอนสัญชาติไทยต่อไปในอนาคต
นี่เป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆให้เห็นภาพนะครับ
- สำหรับการทำธุรกิจนั้น นอกจากวิสัยทัศน์จะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการทำธุรกิจแล้ว ยังเป็นตัวช่วยชั้นดีในการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานอีกด้วย
- สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่เคยกำหนดวิสัยทัศน์ให้กับธุรกิจตัวเอง อยากให้ลองหาเวลานั่งคุยกับตัวเองเพื่อหาคำตอบว่า
1. ทุกวันนี้ เราทำธุรกิจนี้ไปเพื่ออะไร
2. ใครได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราทำบ้าง
3. ธุรกิจของเราจะเป็นอย่างไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราจะขยับขยายไปอยู่ตรงไหน ใหญ่เล็กจากวันนี้เพียงใด
- เมื่อกำหนดได้แล้ว ก็เขียนออกมา จากนั้นคือขั้นตอนสำคัญ "เล่าให้พนักงานฟัง"
- เมื่อพนักงานได้ฟัง จะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มแรก หัวเราะเยาะและมองว่าเราบ้า
กลุ่มที่สอง จะงงๆ ไม่เชื่อแต่ไม่ปฏิเสธ
กลุ่มที่สาม จะเชื่อและรู้สึกอินไปกับวิสัยทัศน์นี้
- ทั้ง 3 กลุ่ม ไม่มีใครถูกผิด แต่จะบอกเราเองได้เลยว่า พนักงานคนไหน จะอยู่กับเเราไปอีกนานหรือพร้อมจะจากไปเมื่อเจอข้อเสนองานที่ดีกว่า
- เพราะวิสัยทัศน์เป็นเรื่องระยะยาว คนที่เชื่อในเรื่องระยะยาวจะมีโอกาสเปลี่ยนใจจากงานที่มีวิสัยทัศน์น้อยกว่างานที่ไม่มีวิสัยทัศน์และพร้อมจะอดทนรอวันนั้น
- ธุรกิจที่ไม่มีวิสัยทัศน์จึงเป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้พนักงานเข้าออกบ่อยเพราะพนักงานมองเห็นว่าทำงานที่นี่แล้วดูไม่มีอนาคตเลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกับพนักงานที่เป็นคน Gen Y - Gen Z
- มีเรื่องเล่าในอดีตว่า ทำไมอเมริกาถึงไปเหยียบดวงจันทร์ได้ก่อนญี่ปุ่น เป็นเพราะอเมริกามีเทคโนโลยีหรือเก่งกว่าญี่ปุ่นหรืออย่างไร
- คำตอบคือ อเมริกาตัดสินใจประกาศก่อนว่า จะไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้แม้ตอนนั้นจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปได้อย่างไร ในขณะที่ญี่ปุ่นนั้นยังไม่ทันจะคิดถึงการไปดวงจันทร์เลยด้วยซ้ำ
- เมื่อผู้นำประเทศกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายออกมาแบบนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องจึงต้องช่วยกันให้เกิดขึ้น เม้กระทั่งมีเรื่องราวของภารโรงที่ทำงานที่นาซ่า มีนักข่าวไปถามว่าทำไมถึงดูทำงานแข็งขันเป็นพิเศษ คำตอบที่ได้คือ "ผมไม่ได้กำลังกวาดพื้น แต่ผมกำลังช่วยให้อเมริกาไปดวงจันทร์ได้"
- คำตอบนั้นแสดงถึงความุม่งมั่นและอยากมีส่วนร่วมกับเป้าหมายของธุรกิจ/ภารกิจนั้นได้เป็นอย่างดี
อ่านบทความนี้แล้ว อย่าลืมหาเวลาคุยกับตัวเอง ว่าเราอยากได้พนักงานแบบไหนมาทำงานด้วย ระหว่างคนที่ทำงานเพื่อเงินไปวัน ๆ กับคนที่อยากอยู่ร่วมบรรลุเป้าหมายระยะยาวไปกับเรา
เราเลือกเองได้ จากการกำหนดวิสัยทัศน์ธุรกิจของเราครับ
ที่มา
https://www.facebook.com/677380392295285/posts/3582289271804368/
No comments:
Post a Comment