ที่ธนาคารในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในอเมริกาโจรปล้นธนาคาร แล้วไม่ได้เงินโจรจึงจับเด็กชายวัย5ขวบคนหนึ่งเป็นตัวประกัน และบอกกับตำรวจที่ล้อมอยู่ข้างนอกให้หาเงินจำนวน5แสนดอลล่าร์พร้อมกับรถยนต์หนึ่งคัน ไม่เช่นนั้นจะฆ่าเด็ก
เมื่อเนลสันนักจิตวิทยามาถึง เขาพยายามดึงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆประจำในจุดที่จะคุ้มครองตัวประกันทั้งหมดได้
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าโจรกำลังจะลงมือฆ่าเด็ก จึงยิงปืนใส่หัวของคนร้ายจนล้มลงไปกองกับพื้น เด็กชายล้มลงไปพร้อมกับเลือดของคนร้ายที่สาดกระเด็นมาเปื้อนใบหน้าและเสื้อผ้า เสียงร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัวสุดขีดของเด็กน้อยดังขึ้น พร้อมกับช่วงที่เนลสันวิ่งเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจพอดี
ในช่วงชุลมุนของนักข่าวที่ต่างพากันถือทั้งกล้องและไมค์กรูเข้ามาทำข่าวและถ่ายภาพ จู่ๆ เนลสันก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
“จบการฝึกซ้อม ทุกคนช่วยกันเคลียร์พื้นที่!”
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงในสิ่งที่เนลสันตะโกนออกมา รวมทั้งเด็กน้อยวัย5ขวบก็หยุดร้องไห้และมองไปที่ใบหน้าของเนลสันอย่างฉงน
“แม่ครับ เขาฝึกซ้อมกันเหรอครับ?” เด็กน้อยถามออกไป
“ใช่จ้าลูก!”แม่ของเขาพยักหน้าตอบทั้งน้ำตา
ตำรวจหลายคนเดินเข้ามาชื่นชมเด็ก
“เจ้าหนู นายเก่งมาก นายแสดงได้ดีมากๆ!” พร้อมกับพากันยกนิ้วให้
วันต่อมา ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับใดลงข่าวโจรปล้นธนาคารเมื่อวานเลยแม้แต่ฉบับเดียว ต่างก็พากันปกป้องความรู้สึกของเด็กน้อยไม่ให้มีความหวาดผวาในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
หลายสิบปีผ่านไป ชายวัยทำงานคนหนึ่ง เดินทางมาขอพบเนลสัน และเอ่ยถึงเหตุการณ์โจรปล้นธนาคารเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เขาถามเนลสันด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงตะโกนประโยคนั้นออกมา
“ตอนที่ผมได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ผมคิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ คงฝังใจให้เด็กน้อยคนนี้ผวาและหวาดกลัวจนไม่อาจมีความมั่นใจในชีวิตได้อีกต่อไป และเมื่อผมวิ่งเข้าไปใกล้เด็กน้อยคนนั้น พระผู้เป็นเจ้าก็ให้สติกับผมและให้ผมพูดคำว่าจบการฝึกซ้อมทุกคนช่วยกันเคลียร์พื้นที่”
เมื่อเนลสันพูดจบ ชายคนนั้นก็เข้ามากอดเนลสันซึ่งตอนนี้ก็แก่ชราลงมากแล้ว
“ผมถูกหลอกมา30ปี แม่เพิ่งบอกความจริงให้ผมทราบเมื่อไม่นานมานี้ ขอบพระคุณมากๆครับคุณลุงเนลสัน ขอบคุณที่ทำให้ผมมีชีวิตเป็นปกติเหมือนคนทั่วๆไป” เขาร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ
“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก หากจะขอบคุณ ก็จงขอบคุณนักข่าวและทุกคนในเมืองนั้นที่ช่วยกันโกหกคุณ”
เรื่องเล่าจาก Prasarn Marukpitak
No comments:
Post a Comment